คติดีดีจาก...ปู่เย็น

14/10/51 |

หากพูดถึง ชายชราคนหนึ่งชื่อ"ปู่เย็น" คนส่วนใหญ่คงรู้จักกันดี เพราะ "รายการคนค้นฅน" ได้นำเรื่องราวของ “ปู่เย็น” เฒ่าทระนง ออก เผยแพร่ ผมเป็นคนหนึ่งที่ติดตามดูรายการนี้มาตลอด และผมก็อยากเอาเรื่องราวที่ได้จาก ชายชราผู้นี้มาเก็บไว้ในเวบเพื่อเป็นข้อคิดสอนใจผู้คนในสังคม

ปู่ เย็น อายุ 106 ปี วัย 106 ปี ของชายชราคนหนึ่งน่าจะพูดได้ว่า เลยภาวะไม้ใกล้ฝั่งไปแล้วหลายขุม ปู่อยู่ตัวคนเดียว เคยมีเมียแต่ไม่มีลูก เพราะปู่เป็นหมัน ถ้าปู่มีลูกไม่แน่ว่าป่านนี้ลูกๆ ของปู่จะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ แต่ สำหรับปู่ ยังไงปู่ก็ยังไม่ตายแน่ๆ นอกจากยังไม่ตาย ปู่ยังแข็งแรงใช้ได้ ไม่ว่าร่างกายหรือหัวใจ

ปู่เป็น มุสลิมเมืองเพชร แต่เมียปู่เป็นไทยพุทธแถวประจวบ ทั้งสองครองรักกันยืนยาวโดยไม่มีฝ่ายใดได้ เปลี่ยนรีตเปลี่ยนรอยศาสนา รวมทั้งในชีวิตไม่เคยมีพิธีกรรมออกหน้าออกตาอันใด ใช้หัวใจหรือหัว อะไรบ้างก็ไม่รู้ล่ะ รู้แต่ว่าอยู่กันมายืนยาวกว่าไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชร ย่าขี้เกียจอยู่ดูโลก จากปู่ไปก่อน ตอนอายุ 92 ปี ปู่ถึงตอนนี้ยังไม่มีทีท่าว่าจะจากโลกนี้ไปไหน แต่ตอนย่าจากไปปู่ร้องไห้ อยู่ 3 เดือน

ชายชราคน หนึ่ง ร้องไห้กับการจากไปของหญิงชราคนหนึ่งนาน 3 เดือน คงไม่ใช่เพราะความขี้แย นับแต่วันที่ย่าจากไป ปู่ก็ออกจากบ้านเช่าราคาเดือนละแปดร้อยบาท ขนทรัพย์สมบัติที่มีอยู่ไม่กี่ชิ้นในชีวิต มาอยู่บ้านหลังใหม่ ไม่มีเสา ไม่มีหลังคา ยาวราวๆ 2 วา กว้างแค่ 2 ศอก บ้านของปู่เป็นเพียง เรือลำเล็กๆ ลอยอยู่ในลำน้ำเพชร นับถึงปัจจุบัน ปู่กิน อยู่ หลับนอน อยู่ในเรือมานานนับสิบปี โดยมี การงานแห่งชีวิตเพียงอย่างเดียว คือ การดักอวนหาปลา

ทุก วันปู่จะจอดเรือนั่งๆ นอนๆ อยู่ใต้สะพานลำใย ซึ่งทอดเชื่อมระหว่างบ้านหม้อ กับตลาดวัดท่อ พอเย็นๆ ก็จะเริ่มพายเรือออกไปหาที่วางอวน ปู่จะกู้อวนคืนละ 2 ครั้ง ดึกๆ ครั้งหนึ่ง รุ่งเช้าอีกครั้ง หนึ่ง ได้ปลา ปู่ก็จะเอาใส่กะละมังหิ้วขึ้นมาขายที่ตลาดวัดท่อในตอนเช้า ก่อนเดินกลับลงไปพักผ่อน ชม เวลาเลือนผ่านชีวิตไปโดยไม่วิตกทุกข์ร้อน หรือไม่ก็ซ่อมอวนอยู่ในเรือนเรื อ

ปู่ ไม่ชอบให้ใครสงสารปู่ แต่ปู่ชอบสงสารคนอื่น ปู่มักจะขายปลาที่นับวันยิ่งหายากในราคาถูกๆ คนที่มาซื้อเห็นปู่ขายถูก ยิ่งขอซื้อให้ถูกเข้าไปอีก แต่ปู่ก็ไม่ว่าอะไร นานปีทีหนจึงจะมีคนใจดี ซื้อปลาไม่กี่ตัว ให้ เงินเกินมา ไม่เอาเงินที่ปู่ทอนกลับไป แบบนี้ปู่ไม่ว่าอะไร แต่ถ้าใครให้ปู่ฟรีๆ มีปัญหาทันที

ผมเคยถาม ว่า ทำไมปู่ไม่ไปขอความเมตตาจากใครๆ เขา คนแก่ๆ ยังไงๆ ใครๆ ก็สงสาร ปู่บอกว่า ไม่เอา ไม่ชอบที่สุด ดูแต่หอยซิ ไม่มีมือมีตีน มันยังหากินได้เอง (รู้จักมั้ยหอยน่ะ…ปู่ย้ำ) ประสาอะไร กับคนมีมือมีเท้า หากินเองไม่ได้ก็อายหอย

ปู่คิดและ เชื่อแบบนี้ แต่มีคนมากมายที่ไม่ได้คิดและเชื่อแบบปู่ ปู่อาจดูโง่และน่าหมิ่นแคลนในสายตาของคนเหล่านั้น แต่ปู่ไม่มีวันหมิ่นแคลนตัวเอง ขณะปู่อยู่ในเรือ คนเหล่านั้นอาจกำลังนั่งถือขันอยู่ตามสะพานลอย หรือไม่ก็กำลังข่มขู่ทุบตีเพศแม่ที่เป็นเมียตอนที่ตัวเองกำลังเมา กำลังขูดรีด โก่งราคา จี้ปล้น ฉ้อ โกง ฮั้วสัมปทาน เล่นแร่แปรหุ้นในตลาดเงิน

ไม่ว่า ความฉลาด ความโง่ ความดี ความชั่ว ความนับถือ และการให้ค่าในการมีชีวิต แน่นอนว่า คน พวกนั้นต่างกับปู่ ขณะที่ปู่คิดว่าคนเราไม่ว่าเฒ่าชะแร แก่ชราแค่ไหน หากยังมีลมหายใจ ก็ต้องพยายาม อยู่ให้ได้ด้วยลำแข้งของตัวเอง โดยไม่เอารัดเอาเปรียบ และเบียดเบียนใคร พูดง่ายๆ ว่ารับผิดชอบดู แลตัวเอง หาอยู่หากินเอง ว่างั้นเหอะ

ปู่อาจไม่รู้จักคำว่า ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ในหัวสมองปู่อาจไม่ มีคำว่าชีวิตที่สง่างาม ความหยิ่งทะนง แต่ปู่มีสิ่งเหล่านี้อยู่ในชีวิต ซึ่งบางทีคนที่ใช้คำเหล่านี้หากินบ่อยๆ เสียอีกที่ชีวิตไม่มีสิ่งเหล่านี้

เนื่อหาจาก รายการคนค้นตน

ที่มา: http://www.love4home.com/

เป็น ที่ทราบกันดีว่ากลิ่นน้ำมันหอมระเหยหลายๆ ชนิดที่ถูกนำมาใช้ในการบำบัดอาการของโรค หรือภาวะบำบัด พริมไทยสปาจึงได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับกลิ่นน้ำมันหอมระเหยที่ใช้ในแต่ละ กลุ่มอาการเพื่อให้คุณได้สะดวกในการที่จะเลือกใช้ ดังนี้

 

อารมณ์โกรธ

มะกรูด (Bergamot) มะลิ (Jasmin)  ส้ม (Orange) แพ็ตชูรี่ (Patchouli) คาโมมายล์ (Chamomile) กุหลาบ (Rose) และ กระดังงา (Ylang Ylang)

 

อารมณ์เครียด

มะกรูด (Bergamot) ซีดาร์วู๊ด (Cedarwood) คลารี่ เซจ (Clary Sage) เจอราเนียม (Geranium) ลาเวนเดอร์ (Lavender) แพ็ตชูรี่ (Patchouli) หรือพิมเสน คาโมมายล์ (Chamomile) กุหลาบ (Rose) แซนดัลวู๊ด (Sandalwood)

 

เสริมสร้างความมั่นใจ

เบย์ ลอรัล (Bay Laurel) มะกรูด (Bergamot) เกรฟฟรุ๊ต (Grapefruit) มะลิ (Jasmin) ส้ม (Orage) และ โรสแมรี่ (Rosemary)

 

อารมณ์หดหู่เศร้าสร้อย

มะกรูด (Bergamot) คลารี่ เซจ  (Clary Sage) แฟร้งคินเซนส์ (Frankincense) เจอราเนียม (Geranium) เกรฟฟรุ๊ต (Grapefruit) Helichrysum มะลิ (Jasmin) ลาเวนเดอร์ (Lavender) มะนาว (Lemon) แมนดาริน (Mandarin) ส้ม (Orage) โรมัน คาโมมายล์ (Roman Chamomile) กุหลาบ  (Rose) แซนดัลวู๊ด (Sandalwood) กระดังงา (Ylang Ylang)

 

ผ่อนคลายความอ่อนล้า อ่อนเพลีย หมดกำลังใจ

โหระพา (Basil) มะกรูด (Bergamot) พริกไทดำ (Black Peper) คลารี่ เซจ (Clary Sage) ขิง (Ginger) เกรฟฟรุ๊ต (Grapefruit) มะลิ (Jasmin) มะนาว (Lemon) แพ็ตชูลี (Patchouli) หรือพิมเสน สะระแหน่ (Perpermint) โรสแมรี่ (Rosemary) แซนดัลวู๊ด (Sandalwood) หรือไม้จันทน์

 

อารมณ์หวาดกลัว

มะกรูด (Bergamot) ซีดาร์วู๊ด (Cedarwood) คลารี่ เซจ (Clary Sage) เกรฟฟรุ๊ต (Grapefruit) มะลิ (Jasmin) มะนาว  (Lemon) แซนดัลวู๊ด (Sandalwood) หรือไม้จันทน์ ส้ม (Orage) คาโมมายล์ (Chamomile)

 

อารมณ์หงุดหงิด ฉุนเฉียว

ลาเวนเดอร์ (Lavender) แมนดาริน (Mandarin) เนลโรลี่ (Neroli) โรมัน คาโมมายล์ (Roman Chamomile) แซนดัลวู๊ด (Sandalwood) หรือไม้จันทน์

 

อารมณ์หงอยเหงา อ้างว้าง เปล่าเปลี่ยว

มะกรูด (Bergamot) คลารี่ เซจ (Clary Sage) แฟร้งคินเซนส์ (Frankincense) คาโมมายล์ (Chamomile) กุหลาบ  (Rose)

 

เสริมสร้างความจำ และ สมาธิ

โหระพา (Basil) พริกไทดำ (Black Peper) ไซเปรส (Cypress) ฮิสสอป (Hyssop) มะนาว (Lemon) เป็ปเปอร์มินท์ (Peppermint) โรสแมรี่ (Rosemary)

 

ระงับความตื่นตกใจ

แฟร็งคินเซนส์ (Frankinsence) เฮลิไครซัม (Helichrysum) ลาเวนเดอร์ (Lavender) เนลโรลี่ (Neroli) กุหลาบ (Rose)

 

คลายความตึงเครียด

เบน ซอยน์ เบอร์กาม็อต คลารี่ เซจ แฟร็งคินเซนส์ (Frankinsence) เจอราเนียม (Geranium) เกรฟฟรุ๊ต (Grapefruit) มะลิ (Jasmin) ลาเวนเดอร์ (Lavender) แมนดาริน (Mandarin) เนลโรลี่ (Neroli) แพ็ตชูลี (Patchouli) หรือพิมเสน โรมัน คาโมมายล์ (Roman Chamomile) กุหลาบ (Rose) แซนดัลวู๊ด (Sandalwood) หรือไม้จันทน์ เวติเวอร์ (Vetiver) หรือรากหญ้าแฝกหอม) กระดังงา (Ylang Ylang)

 

ที่มา: http://www.primthaispa.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=8617

รายงานโดย :เรื่อง อนุสรา ทองอุไร / ภาพ สบายอารมณ์:

วันอังคารที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2551

คุณกำลังตามหาความสุขอยู่หรือเปล่า... คุณเป็นคนหนึ่งหรือเปล่าที่บางครั้งก็ทำความสุขหล่นหาย

เคย ไหมที่บางวันก็ไม่อยากไปทำงานตอนเช้า หรือบางทีก็ปวดหัว หงุดหงิด ไม่ได้อย่างใจ อยากกลับบ้านนอนแต่แล้วบางคืนก็นอนไม่หลับ ถ้าคุณมีอาการเหล่านี้ก็เป็นไปได้ว่าคุณกำลังตามหาความสุขอยู่เหมือนกับคนใน เมืองใหญ่ทั่วไป ที่ชีวิตเต็มไปด้วยความเคร่งเครียดรีบร้อนด้วยหน้าที่และภาระอันหนักอึ้งใน แต่ละวัน

 

ตามหาความสุข

คนหลายคนพยายามไขว่คว้าหาความสุข แต่ยิ่งตามหาเท่าไหร่ก็ยิ่งหาไม่เจอ ผู้เชี่ยวชาญหลายท่านแนะนำว่าจริงๆ แล้ว ความสุขที่เราตามหานั้นไม่ได้อยู่ไหนไกลเลย ถ้าเพียงแต่เราจะใช้ชีวิตให้ช้าลงบ้าง แล้วมีสติอยู่กับปัจจุบัน หัดพึงพอใจในสิ่งที่มีอยู่ ลดขนาดความต้องการในชีวิตลงบ้าง มองโลกในแง่ดี และอย่าละเลยที่จะเห็นคุณค่าของตัวเอง และคนใกล้ตัวเพียงเท่านี้น่าจะพบความสุขได้ไม่ยาก

คนโบราณมีวิธีเพิ่มความสุขแบบง่ายๆ โดยการใช้กลิ่นบำบัดจากน้ำมันหอมระเหยจากส่วนต่างๆ ของพืช เช่น ใบไม้ ดอกไม้ เปลือกไม้ และเปลือกผลไม้ ที่มีคุณสมบัติในการส่งผลทางบวกต่ออารมณ์และจิตใจ ทำให้รู้สึกสงบ ผ่อนคลายและมีความสุขมากขึ้น น้ำมันหอมระเหยจากพืชบางชนิดยังช่วยกระตุ้นความมีชีวิตชีวา เพิ่มสมาธิและความจำ และบางชนิดก็ช่วยให้นอนหลับอย่างมีความสุขอีกด้วย

กลิ่นบำบัดเพื่อความผ่อนคลายที่ปรุงเป็นพิเศษจากน้ำมันหอมระเหยจาก สมุนไพร ดอกไม้ และผลไม้ไทย ซึ่งมีคุณสมบัติในการส่งผลทางบวกต่ออารมณ์และจิตใจ ทำให้รู้สึกสงบ ผ่อนคลายและมีความสุขมากขึ้น โดยแบ่งเป็น 5 กลุ่ม เพื่อความหลากหลาย และยังใช้สีเป็นตัวแทนของกลิ่นแต่ละกลิ่น เพราะสีมีอิทธิพลต่อสภาวะจิตใจและอารมณ์ เป็นที่ยอมรับกันว่าสีนั้นมีอิทธิพลอย่างมากต่อสภาวะทางร่างกาย อารมณ์ และจิตใจ สีแต่ละสีนั้นมีระดับพลังงานที่ไม่เท่ากัน ได้มีการศึกษาลึกลงไปเพื่อนำความรู้เรื่องสีมาใช้ในการดูแลภาวะสุขภาพและใช้ ปรับภาวะสมดุลของร่างกายและอารมณ์

 

เพื่อการนอนหลับสบาย

ปรุงขึ้นพิเศษโดยใช้น้ำมันหอมระเหยจากของกลีบดอกราชินีดอกไม้ไทย 3 ชนิด คือมะลิ จำปา มะกรูด กระดังงา และลาเวนเดอร์ ซึ่งเบ่งบานและให้กลิ่นหอมรัญจวนในยามค่ำคืน คุณลักษณะพิเศษสำหรับดอกไม้เหล่านี้คือ เมื่อได้กลิ่นจะออกฤทธิ์ทำให้ประสาทผ่อนคลาย จนทำให้รู้สึกเคลิบเคลิ้มชวนให้ง่วงนอน

นอกจากนั้น ยังมีส่วนผสมจากน้ำมันหอมระเหยของดอกลาเวนเดอร์ ซึ่งเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางถึงคุณสมบัติเด่นในการปรับสมดุลของระบบ ประสาท บรรเทาอาการตึงเครียด และผสานกับน้ำมันหอมระเหยจากใบมะกรูด ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในตำรับสุคนธบำบัดไทยแท้ได้อย่างลงตัว

ด้วยส่วนผสมที่ลงตัวจะซึมซับเข้าสู่ผิวหนังได้ดี และกลิ่นที่หอมอย่างต่อเนื่องช่วยโน้มนำให้เกิดการปรับสมดุลของคลื่นสมองให้ ผ่อนคลายมากขึ้น ลดความตื่นตัวและพร้อมจะเข้าสู่วงจรของการนอนหลับอย่างมีคุณภาพ หรือสเปรย์น้ำหอมสำหรับใช้ก่อนนอน บรรยกาศ และสิ่งแวดล้อมในการนอนล้วนมีความสำคัญอย่างยิ่งที่จะช่วยให้เกิดการหลับได้ สนิทและลึกขึ้น การฉีดโปรยปรายก่อนเข้านอนเพียง 2-3 ครั้ง กลิ่นจะกระจายฟุ้งขึ้นทีละน้อยจนรู้สึกง่วงและเข้าสู่วงจรการหลับได้อย่าง เป็นธรรมชาติและมีคุณภาพมากที่สุด

น้ำมันนวดตัวก่อนนอนช่วยให้หลับสบายและง่ายขึ้น การนอนที่มีคุณภาพอย่างเพียงพอจะช่วยชะลอความเสื่อมของร่างกายและผิวพรรณที่ เกิดขึ้นตามวัย การได้นวดตัวก่อนนอนถือว่าเป็นการเตรียมพร้อมที่ดีของการนอนที่มีคุณภาพ ช่วยผ่อนคล้ายกล้ามเนื้อที่อ่อนล้ามาทั้งวัน ทั้งกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและน้ำเหลืองให้ทำงานได้สะดวกดีขึ้น หรือจะแค่หยด 2-3 หยุด ในน้ำอุ่นแช่ตัวตอนอาบน้ำก็จะช่วยได้มาก

การนอนเป็นเรื่องสำคัญของชีวิต ทำให้ร่างกายและสมองได้พักผ่อนหลังจากทำงานมาตลอดทั้งวัน ไม่มีใครเคยอดนอนได้เกิน 7 วัน เนื่องจากจะทำให้สมองไม่สามารถทนความเหนื่อยล้าได้ คนเราใช้เวลาในการนอนประมาณ 3,000 ชั่วโมงต่อปี หรือ 1 ใน 3 ของชีวิตการนอนไม่เพียงพอจะทำให้สุขภาพมีปัญหาต่างๆ ตามมา ดังนั้นควรนอนให้ได้วันละ 7-8 ชั่วโมง เพื่อให้ตื่นมากับเช้าที่สดใสพร้อมที่จะทำงานต่อไปอย่างเต็มที่

หากคุณปวดหัวทุกวันหลังตื่นนอน หรือยังง่วงอยู่ถึงแม้ว่านอนมาแล้วหลายชั่วโมง แสดงว่าการนอนของคุณยังไม่มีคุณภาพที่ดีพอ การนอนหลับสนิทและเพียงพอจะส่งผลต่อการจัดการความเครียดและความผันผวนทาง อารมณ์ แม้ว่าคุณนอนหลับลึกเพียง 5-6 ชั่วโมง ดีกว่านอนหลับๆ ตื่นๆ ถึง 8 ชั่วโมง

 

สีม่วงช่วยการนอนหลับ : สีม่วงเป็นสีที่มีระดับพลังงานต่ำ จึงมีอิทธิพลทำให้เรามีภาวะอารมณ์ดี สงบ นุ่มนวล เหมาะที่จะใช้ในห้องนอนหรือเครื่องนอนต่างๆ เพื่อโน้มนาวให้เกิดสภาวะที่ช่วยให้นอนหลับได้ง่ายขึ้น

 

เพื่อความสบายใจหายเครียด

ตำรับที่เหมาะจะใช้เพื่อผ่อนคลายความเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้า หงุดหงิดอารมณ์เสีย ปรุงด้วยสรรพคุณที่เป็นทางบวกต่ออารมณ์และจิตใจทำให้ใจเบิกบานแจ่มใสขึ้น ได้แก่สะระแหน่ที่ช่วยปลุกให้ร่างกายสดชื่น กระปรี้กระเปร่า สมองปลอดโปร่ง กระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ พริกไทยดำ กลิ่นที่หอมเย็นจะช่วยใจจิตใจสงบและสดชื่นขึ้น อย่าง การบูร และ พิมเสน ความหอมเย็นด้วยกลิ่นแบบไทยๆ จะช่วยบรรเทาความเครียดและช่วยทำให้จิตใจแจ่มใสขึ้น

ความเครียดและอ่อนล้ามักส่งผลให้เกิดอาการปวดเมื่อยบริเวณต้นคอและ หัวไหล่เสมอ การนวดตรงจุดนี้มักจะทำให้รู้สึกสบายและผ่อนคลายได้ทันที

สีน้ำเงินเพื่อความปลอดโปร่งโล่งใจ : สีน้ำเงินสื่อถึงท้องฟ้า ผืนน้ำ จึงเป็นสีที่มีการเชื่อมโยงอย่างเด่นชัดถึงความสบาย ผ่อนคลายความตึงเครียด ทำให้เกิดอารมณ์ สบายใจ สบายอารมณ์

 

เพื่อความสงบสมดุลทางอารมณ์

โดยธรรมชาติเมื่อเราสูดดมกลิ่นหนึ่งกลิ่นใดเข้าไปในจมูก กลิ่นจะเดินทางไปยังต่อมรับกลิ่น ที่อยู่ส่วนบนของโพรงจมูก จากนั้นจะส่งสัญญาณไปยังสมอง ซึ่งเก็บความทรงจำของกลิ่นที่ได้รับมาก่อน เมื่อได้รับกลิ่นนั้นๆ อีกครั้งก็จะทำให้หวนรำลึกถึงเหตุการณ์ในอดีตที่เคยประสบพร้อมๆ กับการได้กลิ่นนั้น

การเลือกสรรพืชสมุนไพรในสูตรนี้ จะมุ่งเน้นกลุ่มที่ให้คุณสมบัติเพื่อช่วยระงับความตื่นเต้น เครียด ปวดศีรษะ วิตกกังวล การปรับสมดุล อารมณ์ ช่วยให้สงบผ่อนคลายมากขึ้น ทั้งจากตะไคร้ เพื่อบรรเทาความเครียด ความอ่อนเพลียทางจิตใจ มะกรูด ให้ความสดชื่น บรรเทาอาการหดหู่ จำปา ทำให้อารมณ์สงบ ขจัดความโกรธ ช่วยสร้างความมั่นใจ ยูคาลิปตัส ซึ่งมีกลิ่นหอมเย็น มีประโยชน์อย่างมากต่อระบบทางเดินหายใจ ที่ส่งผลต่อจิตใจและอารมณ์จะช่วยทำให้อารมณ์เย็นขึ้น ระงับความตื่นเต้นทำให้รู้สึกสบายขึ้น

การใช้บาล์มสำหรับนวดที่ขมับ หรือสูดดมเพื่อความสงบผ่อนคลาย ด้วยเนื้อบาล์มและน้ำมันหอมระเหยจากตะไคร้ มะกรูด จำปา ยูคาลิปตัส ที่ให้คุณสมบัติเพื่อช่วยระงับความตื่นเต้น เครียด วิตกกังวล การปรับสมดุล อารมณ์ เพียงแตะเนื้อบาล์มและถูที่นิ้วกลางทั้งสองข้างให้เข้ากัน จากนั้นจึงนำไปแตะนวดเบาๆ เป็นวงกลมที่ขมับ ต้นคอ กลางหน้าผาก พร้อมสูดหายใจเข้าลึกๆ จะรู้สึกว่าสงบ ผ่อนคลายมากขึ้น

สีเขียวแห่งความสงบ : เป็นสีที่สื่อถึงความเป็นธรรมชาติ สะท้อนความสมดุล ถ้าดูจากลำดับของสีรุ้ง (ม่วง คราม น้ำเงิน เขียว เหลือง แสด แดง) สีเขียวเป็นสีที่อยู่ตรงกลางจึงเป็นสีที่มีความสมดุลอยู่ในตัว จึงช่วยปรับความสมดุลทางอารมณ์ ลดระดับความตื่นเต้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

เพื่อความมีสมาธิในการทำงาน

พืชและสมุนไพรที่มีคุณสมบัติเด่นที่ช่วยกระตุ้นให้สมองปลอดโปร่ง มีสมาธิ เสริมความจำ และตัดสินใจอย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับการทำงานที่ต้องการสมาธิ ด้วยสมุนไพรไทยจากพริกไทยดำ มะกรูดที่ช่วยให้ความสดชื่นบรรเทาความหดหู่ มะนาว นอกจากให้กลิ่นที่สะอาดและหอมสดชื่น ยังมีคุณสมบัติที่ช่วยเสริมสร้างสมาธิ ทำให้เกิดการตื่นตัว ถ้าใช้นวดจะทำให้ระบบไหลเวียนโลหิตดีขึ้น และโหระพา ช่วยเสริมสร้างสมาธิและความจำ

สีเหลืองช่วยเรื่องสมาธิ : ได้มีการเชื่อมโยงสีเหลืองกับ กับกิจกรรมที่ต้องใช้ความคิด สติปัญญา การคิดวิเคราะห์ สีเหลืองมีอิทธิพลอย่างมากในการกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ ลดการสับสนทางความคิด เป็นสีที่ดีสำหรับใช้ในการเปิดสมอง (Clear Foggy head) ทำให้โล่งขึ้น คิดได้เร็วขึ้น

เพื่มความมีชีวิตชีวา

กลิ่นนั้นมีผลต่ออารมณ์และความรู้สึกเป็นอย่างยิ่ง เกท ลีฟลี จึงได้คัดสรรน้ำมันหอมระเหยเช่น ขิง ส้ม มะนาว ที่ล้วนเป็นสิ่งที่เราคุ้นเคยและยอมรับกันดีว่า ทุกครั้งที่ได้สูดดมดูเหมือนจะกระตุ้นให้เกิดสารแห่งความสุขขึ้นในร่างกาย และปลุกความมีชีวิตชีวาได้อย่างรวดเร็ว เพราะฉะนั้นตำรับนี้จึงเหมาะสำหรับที่จะเติมพลัง สร้างความสดชื่นมีชีวิตชีวา

สีส้มเพื่อความเริ่งร่า : เป็นสีที่กระตุ้น ให้ตื่นตัวมีพลังมากขึ้น (Get Lively) ทำให้เกิดความกระตือรือร้น ก่อให้เกิดการเคลื่อนไหว ช่วยยกระดับพลังงานของร่างกาย สีส้มเชื่อมโยงกับภาวะอารมณ์ดี

เมื่อมีปัญหาในเรื่องอารมณ์-ความรู้สึก กลิ่นเหล่านี้สามารถช่วยบำบัดอาการของคุณได้ในเบื้องต้น เพื่อให้รู้สึกดีและผ่อนคลายด้วยน้ำมันหอมระเหยจากสมุนไพร ดอกไม้และผลไม้ของไทย ดังนั้นการสร้างความรู้สึกให้ดีขึ้นเป็นเรื่องง่ายๆ ใกล้ๆ ตัวคุณ

 

ที่มา: http://www.posttoday.com/lifestyle.php?id=8490

พญ.กอบกาญจน์ ไพบูลย์ศิลป

 

สวัสดีค่ะ ท่านผู้อ่านทั้งหลาย บทความนี้สำหรับคนที่นอนไม่หลับ กระสับกระส่าย นอนยากแต่อยากนอน ส่วนคนที่นอนดีอยู่แล้วก็อ่านได้ค่ะอย่างน้อยเป็นแนวทางป้องกันไม่ให้เรา เกิดปัญหานอนไม่หลับในอนาคตนะคะ เพราะคนที่ไม่เคยมีปัญหานอนไม่หลับนั้น ไม่มีทางรู้หรอกค่ะ ว่ามันทรมานทรกรรมขนาดไหน นอกจากนี้อาจมีโรคอื่นตามมาอีกเป็นโขยง อย่างนี้เห็นทีต้องรีบแก้ไขกันแล้ว
ก่อนอื่นเรามาเรียนรู้ภาวะปกติของการนอนกันก่อนดีกว่าค่ะว่าเป็นอย่างไร
ในสมองของคนเรามีต่อมเหนือสมองอยู่ 1 ต่อมเรียกว่าต่อม ไพเนียล หรือนาฬิกาชีวภาพ(Biological clock)ประจำร่างกายทำงานตามความมืด ความสว่างภายนอก โดยต่อมนี้มีหน้าที่ ควบคุมการหลั่งของฮอร์โมนที่ควบคุมการตื่นและหลับของร่างกายนั่นก็คือ ฮอร์โมนเซโรโทนิน และเมลาโทนิน
ฮอร์โมนเซโรโทนิน มีหน้าที่ทำให้สมองตื่นตัว ต้อนรับวันใหม่ โดยจะเริ่มหลั่งตอนตี 2 และลดระดับลงหลังเที่ยงวัน
ส่วนฮอร์โมนเมลาโทนิน มีหน้าที่ทำให้เกิดการนอนหลับ โดยจะหลั่งออกมาตั้งแต่ บ่าย4 โมงแล้วจะลดระดับลงอีกทีตอนตี 2 ดังนั้นในคนปกติ มักจะเริ่มง่วงตอน3-4 ทุ่มซึ่งเป็นช่วงที่ฮอร์โมนเมลาโทนินหลั่งมาสูงสุดของวัน

ดังนั้นความสามารถในการนอนหลับจึงขึ้นอยู่กับฮอร์โมนเมลาโทนินที่หลั่งมาใน แต่ละวันนอกจากนี้ ช่วงอายุก็มีส่วนเกี่ยวกับปริมาณการหลั่งของฮอร์โมนเมลาโทนินด้วยนะคะ
ดูได้ตามตารางจะเห็นว่าในเด็กแรกเกิด การหลั่งของฮอร์โมนไม่สม่ำเสมอ ดังนั้น ทารกจึงนอนไม่เป็นเวลา ตื่นบ่อยตอนกลางคืน จนถึงอายุ 5 ปี ฮอร์โมนเมลาโทนินจึงหลั่งมาปกติจนถึงอายุประมาณ 15 ปี จะสังเกตว่า เด็กอายุช่วงนี้จะไม่มีปัญหานอนไม่หลับเลยจากนั้น ฮอร์โมนเมลาโทนินจะลดระดับลงมาเรื่อย ๆ จนเริ่มมีปัญหาเรื่องการนอนอีกครั้งหลังอายุประมาณ 60 ปี

อันนี้เป็นธรรมชาติของฮอร์โมนค่ะ ส่วนใครที่อายุเลย 60 แล้วยังนอนหลับดีไม่มีปัญหาก็ถือว่าโชคดี ยินดีด้วยค่ะ
การนอนไม่หลับมักมีสาเหตุ
ส่วนมากอาการนอนไม่หลับมักมีที่มาที่ไป อีกนัยหนึ่งก็คือมีสาเหตุต่าง ๆถึง 80% เชียว อีก 20% เป็นการนอนไม่หลับแบบไม่ทราบสาเหตุอาจเป็นการหลั่งไม่ปกติของฮอร์โมนส่วนที่ เหลือมักมีสาเหตุที่พบได้บ่อยได้แก่
อาการเจ็บป่วยเรื้อรัง
เช่นเบาหวาน ,ต่อมลูกหมากโต ทำให้เกิดการปัสสาวะบ่อยเวลากลางคืน โรคถุงลมโป่งพอง หอบหืด หรือมะเร็งปอด ทำให้หายใจลำบาก ไอมากตอนกลางคืนได้ นอกจากนี้ที่พบได้บ่อยคือในคนอ้วน มักจะกรน หายใจได้ไม่ดี จนถึงมีการหยุดหายใจเลยก็มี ทำให้สะดุ้งตื่นบ่อย ๆตอนกลางคืน
ความเจ็บปวด
โดยเฉพาะอาการปวดจากมะเร็ง ปวดเส้นประสาท ปวดกระดูก กล้ามเนื้อเรื้อรังโดยที่ยังรักษาไม่หาย ปวดแผลผ่าตัด เป็นต้น
ยาบางชนิด
เช่นยาลดน้ำมูกบางตัว ทำให้นอนไม่หลับได้
ชา กาแฟ เครื่องดื่มน้ำดำ บุหรี่
เพราะว่ากาแฟและเครื่องดื่มเหล่านี้มีคาเฟอีน โดยคาเฟอีนนี้จะไปแย่งกันจับกับตัวรับในสมองแทนที่ ฮอร์โมนอะดีโนซีน ซึ่งปกติฮอร์โมนนี้ทำให้เกิดความง่วง ดังนั้นเมื่อถูกคาเฟอีนแทนที่จึงเกิดการนอนไม่หลับได้
ซึมเศร้า วิตกกังวล
เป็นปัญหาที่พบได้บ่อย ที่ทำให้นอนไม่หลับ
เปลี่ยนเวลานอน เปลี่ยนสถานที่
เช่นเดินทางบ่อย ข้ามทวีป ทำให้นาฬิกาชีวภาพปรับตัวไม่ทัน เลยเป็นสาเหตุของการนอนไม่หลับในคืนแรก ๆ ได้
ถ้าคุณมีปัญหานอนไม่หลับ วิธีแก้ไขง่าย ๆ ตามแนวธรรมชาติบำบัดคือ
1. ปรับอาหาร

  • สิ่งที่ควรงดเลยก็คือ ชา กาแฟ เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน โกโก้ โคล่า
  • อย่ากินอาหารมื้อหนักเกินไปในตอนเย็นทำให้นอนยากขึ้น
  • อย่ากินอาหารย่อยยาก หรือกินใกล้เวลานอนมากเกินกว่า 3 ชั่วโมง
    2. การออกกำลังกาย
    จะช่วยให้การนอนง่ายขึ้น โดยเฉพาะ การฝึกโยคะ ชี่กง
    3. ปรับห้องนอนให้น่านอน
    โดยการทำความสะอาดอยู่เสมอ ให้ความสำคัญกับตำแหน่งของเตียง ที่นอน หมอนอุณหภูมิ แสงไฟ เสียงรบกวน
    4. การทำจิตสงบ ฝึกสมาธิ สวดมนต์ก่อนเข้านอน
    การฝึกลมหายใจให้ทอดยาว จะช่วยผ่อนคลายความเครียด ถ้าทำนานพอและถูกวิธีจะทำให้เกิดสมดุลในร่างกายช่วยให้เข้านอนง่ายขึ้น
    5. การใช้วิตามิน อาหารเสริมและ สมุนไพร
    วิตามินบี :: ครั้งละ 1 เม็ด วันละ 1 ครั้ง หลังอาหารเช้า
    วิตามินซี :: ใช้วิตามินซีชีวภาพ 1000 มก. ครั้งละ 1 เม็ดวันละ 2 ครั้ง หลังอาหารเช้า- เที่ยง
    แคลเซี่ยมและแมกเนเซี่ยม :: 800 มก. ครั้งละ 2 เม็ดวันละ 2 ครั้ง หลังอาหาร
    เมลาโตนิน :: 1.5-3 มก. หลังอาหารเย็น
    6. อาหารช่วยนอน
    ได้แก่ ดอกไม้จีน ขี้เหล็ก โสม เอามาประกอบอาหารหรือทำเป็นเครื่องดื่ม เช่น ชาดอกไม้จีน
    7. วารีบำบัด
    เช่นการแช่น้ำอุ่น ซาวน่า อบสมุนไพรช่วยให้นอนหลับสบาย
    8. สุคนธบำบัด (Aroma therapy)
    เช่นกลิ่นกระดังงา, กุหลาบ ,มะลิ ,Lavender Chamomile เป็นต้น
  •  

    ที่มา: http://www.one2night.com/health/sleep/index.html

    เป็นกฎง่ายๆ ที่บางครั้งเหมือนเส้นผมบังภูเขา ทำตามได้ไม่ยาก เพื่อให้เว็บไซต์เป็นที่ดึงดูดของผู้ใช้มากที่สุด
    กรุงเทพ ธุรกิจ ออนไลน์ : กฎ 23 ข้อดังต่อไปนี้ เป็นการวิจัยของ 3 สถาบัน ได้แก่ The Poynter Institute, the Estlow Center for Journalism & New Media, และ Eyetools ภายใต้โครงการ “The Eyetrack III” ซึ่งศึกษาถึงกลยุทธ์การออกแบบเว็บไซต์เพื่อดึงดูดความสนใจของผู้ใช้ให้มากที่สุด
    1. ตัวอักษรดึงดูดความสนใจได้เร็วกว่าภาพหรือกราฟฟิค
    2. จุดแรกที่สายตามองคือ มุมซ้ายบนของหน้าเว็บ
    3. ผู้ใช้จะมองไปที่มุมซ้ายบนของเว็บไซต์ ก่อนที่จะเลื่อนสายตาลงมาด้านล่างขวาเรื่อยๆ
    4. ผู้ใช้ส่วนใหญ่ไม่สนใจมองแบนเนอร์โฆษณา
    5. รูปแบบเว็บไซต์และตัวอักษรที่มีสีสันสะดุดตา มักไม่ได้รับความสนใจจากผู้ใช้
    6. แสดงข้อมูลเป็นตัวเลข จะดึงดูดสายตามากกว่าเขียนเป็นตัวอักษร
    7. ขนาดตัวอักษรมีผลต่อพฤติกรรมการใช้เว็บ โดยตัวอักษรเล็กๆ จะทำให้คนอ่านอย่างละเอียด ขณะที่ตัวอักษรใหญ่ ทำให้คนมองเป็นอันดับแรก
    8. คนส่วนใหญ่อ่านพาดหัวรอง ในกรณีที่น่าสนใจจริงๆ
    9. คนมักจะอ่านส่วนล่างของหน้าเว็บแบบผ่านๆ
    10. ประโยคหรือย่อหน้าสั้นๆ ดึงดูดความสนใจของคนอ่านมากกว่า
    11. รูปแบบเว็บไซต์ที่มีแถวแนวตั้งแถวเดียว ดึงดูดสายตามากกว่าหลายแถว
    12. แบนเนอร์โฆษณาที่อยู่บริเวณบนสุดและซ้ายสุด จะดึงดูดสายตามากที่สุด
    13. การวางโฆษณาใกล้กับคอนเทนท์ที่ดีที่สุด จะได้รับความสนใจจากผู้ใช้ค่อนข้างมาก
    14. โฆษณาแบบตัวอักษรได้รับความสนใจมากกว่าโฆษณาแบบภาพหรือกราฟฟิค
    15. ภาพยิ่งใหญ่ ยิ่งดึงดูดความสนใจได้มาก
    16. ภาพที่ชัด ดูง่าย และถ่ายบุคคลจริงๆ จะได้รับความสนใจจากคนดู มากกว่าภาพประเภทดีไซน์จัดๆ ภาพนามธรรม (abstract) หรือภาพนายแบบ-นางแบบ
    17. หน้าเว็บไซต์ก็เหมือนหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ เพราะฉะนั้น พาดหัวจะได้รับความสนใจมากที่สุด
    18. คนส่วนใหญ่มักจะสนใจหัวข้อและเมนูต่างๆ ในเว็บไซต์
    19. ถ้ามีบทความยาวๆ ในเว็บไซต์หรือบล็อก หากแยกเนื้อหาออกเป็นข้อๆ จะได้รับความสนใจจากผู้อ่านมากขึ้น
    20. ผู้ใช้มักจะไม่อ่านบทความที่ติดกันยาวๆ หลายบรรทัด ดังนั้น ถ้าบทความยาวมาก ควรแตกเป็นย่อหน้าย่อยๆ
    21. การดึงความสนใจของคนให้อ่านบทความ ให้มากและนานที่สุด คือการใช้รูปแบบตัวอักษรที่แตกต่างกันไป เช่น ตัวหนา ตัวใหญ่ ตัวเอียง ตัวขีดเส้นใต้ หรือตัวอักษรสีต่างๆ แต่ไม่ควรใช้มากเกินไป เพราะทำให้ผู้อ่านหมดความสนใจเช่นกัน
    22. เว้นที่ว่างบนหน้าเว็บบ้างก็ดี ไม่ต้องใส่ข้อมูลหรือภาพบนทุกอณูของเว็บก็ได้
    23. ปุ่ม navigation ควรวางไว้บนสุดของหน้าเว็บ เพื่อช่วยเหลือผู้ใช้ได้ง่ายที่สุด

    image

     

    อุปกรณ์ขนาดจิ๋วที่เหน็บเข้ากับกระเป๋าเสื้อหรือกางเกงได้ จะคอยติดตามการใช้ชีวิตของคุณ และเตือนเมื่อสุขภาพคุณเริ่มแย่

    กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ : โดย บารมี นวนพรัตน์สกุล

    อุปกรณ์ไฮเทคชิ้นนี้มีชื่อว่า Fitbit เปิดตัวครั้งแรกเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ในงาน TechCrunch50 ในเมืองซานฟรานซิสโก มลรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา

    โดย Fitbit ทำหน้าที่เป็นเหมือนหมอประจำตัว ที่จะติดตามสุขภาพของผู้ใช้ในทุกนาที เพื่อวัดค่าต่างๆ เช่น แคลลอรี่ที่ถูกใช้ไปในแต่ละวัน หรือจำนวนชั่วโมงการนอนหลับ ซึ่งบ่งบอกว่าผู้ใช้ออกกำลังกายหรือนอนหลับเพียงพอหรือไม่

    ทั้งนี้ Fitbit จะแสดงผลเป็นสัญลักษณ์ต่างๆ เช่น ดอกไม้ โดยดอกไม้จะบานถ้าผู้ใช้กินอาหารแคลลอรี่ต่ำ เช่น สลัด ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และนอนหลับอย่างเพียงพอ แต่ถ้ากินชีสเบอร์เกอร์เป็นมื้อเย็น ไม่ออกกำลังกาย และนอนดึก Fitbit ก็จะแสดงสัญลักษณ์เป็นดอกไม้เฉา เป็นต้น

    ด้าน James Park ผู้ก่อตั้งและประธานบริหาร Fitbit บอกว่า แรงบันดาลใจของการสร้างอุปกรณ์ชิ้นนี้ก็คือ ต้องการส่งเสริมให้คนอเมริกันลุกออกจากโซฟา แล้วไปออกกำลังกายเสียบ้าง รวมถึงต้องการให้คนกินอาหารที่ดีขึ้น เพื่อสุขภาพที่ดีขึ้นด้วย

    “ผมมีแนวคิดนี้ขึ้นมาเพราะ เมื่อก่อนผมสุขภาพไม่ดี ตอนตั้งบริษัทใหม่ๆ เมื่อ 3 ปีก่อน ผมทำงานเป็นบ้าเป็นหลัง และเริ่มรู้สึกว่าไม่ได้การล่ะ ผมต้องออกกำลังกายบ้างแล้ว ซึ่งหลังจากที่คิดค้น Fitbit ขึ้นมาและนำติดตัวตลอด 2 เดือนครึ่ง น้ำหนักก็ลดลงเกือบ 7 กิโลกรัมเลยทีเดียว”

    Fitbit เป็นอุปกรณ์ไร้สาย ขนาดเล็กเท่าหัวแม่มือ มีเซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวคล้ายๆ กับเซ็นเซอร์ของ Nintendo Wii นั่นเอง โดยเซ็นเซอร์นี้จะจับการเคลื่อนไหวของผู้ใช้ตลอดเวลา และส่งข้อมูลอัพโหลดไปยังเว็บไซต์ fitbit.com

    ด้วยรูปร่างที่ดูทันสมัยและไม่เกะกะ ทำให้ผู้ใช้สามารถเหน็บ Fitbit ติดตัวได้ทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นที่กระเป๋าเสื้อ หรือกระเป๋ากางเกง โดย Fitbit จะตรวจจับการเคลื่อนไหวร่างกาย จำนวนแคลลอรี่ที่ใช้ การก้าวเดิน ระยะทางที่เคลื่อนไหว และจำนวนชั่วโมงการนอนหลับ

    เมื่อข้อมูลถูกส่งไปยังเว็บไซต์ fitbit.com แล้ว ผู้ใช้ก็สามารถเข้าไปใส่ข้อมูลอาหารที่กินเข้าไป และระบบก็จะคำนวณและประเมินสุขภาพโดยรวมของผู้ใช้ออกมาได้

    แม้ว่าการใส่ข้อมูลอาหารและของว่างใน เว็บ จะเป็นเรื่องเสียเวลาและน่าเบื่ออยู่บ้าง แต่ James Park บอกว่า สำหรับคนที่เอาใจใส่เรื่องสุขภาพอย่างจริงจังแล้ว เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องลำบากอะไรเลย

    นอกจากนี้ ในอนาคต James Park มีแผนที่จะเปิดตัวบริการพิเศษ เอาใจคนที่ต้องการใช้ Fitbit ตรวจวัดและประเมินสุขภาพเป็นรายบุคคล โดยจะเป็นการตรวจวัดที่มีรูปแบบเฉพาะสำหรับผู้ใช้แต่ละคนเลยทีเดียว

     

    ที่มา: กรุงเทพธุรกิจ 11 กันยายน พ.ศ. 2551



    นวัตกรรมล่าสุดจาก Microsoft เมาส์ที่ใช้ได้ทุกสภาพพื้นผิว ไม่ว่าจะเป็นพรม ไม้ กระจก โดยใช้แสงเลเซอร์สีฟ้าแทนสีแดง

    กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ : โดย บารมี นวนพรัตน์สกุล

    เมาส์รุ่นใหม่ล่าสุดนี้ วิจัยพัฒนาโดย Microsoft ภายใต้ชื่อ Blue Track Mouse Technology ซึ่งขณะนี้ถือเป็นเทคโนโลยีการผลิตเมาส์ที่ทันสมัยที่สุดในโลก

    Mark DePue
    วิศวกรฝ่ายฮาร์ดแวร์ของ Microsoft เล่าให้ฟังว่า
    เมาส์ชนิดนี้สามารถใช้ได้ทุกพื้นผิว ไม่ว่าจะเป็นพื้นไม้ พรม หินอ่อน
    กระจก หรือที่ไหนก็ตาม ด้วยเทคโนโลยีเลเซอร์ที่ให้ผลแม่นยำ
    ซึ่งประกอบด้วยส่วนหลักๆ ได้แก่

    Microsoft-Designed CMOS Chip เป็นชิพแบบ CMOS ของ Microsoft ซึ่งพัฒนามาจนถึงรุ่นที่ 4 แล้ว โดยให้ค่าการทำงานที่แม่นยำกว่ารุ่นที่ผ่านๆ มา

    Blue Specular Optics
    เป็นเลนส์สีฟ้า ซึ่งจะรับภาพที่แสดงผลของพื้นผิวได้อย่างถูกต้องและแม่นยำ
    แม้กระทั่งพื้นผิวมันเงา เช่น หินอ่อนหรือกระจก
    ขณะที่แสงสีฟ้าจะทำให้ภาพสะท้อนของพื้นผิวมีความคมชัดสูงกว่าสีแดงที่ใช้กัน
    ในเมาส์ทั่วๆ ไป โดยเฉพาะพื้นผิวที่อยู่ภายใต้แสงฟลูออเรสเซนต์
    เลเซอร์สีฟ้าจะสะท้อนภาพได้ชัดกว่าแสงสีแดง
    ลองสังเกตอุปกรณ์ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจหรือกองพิสูจน์หลักฐานใช้หาลายนิ้วมือ
    หรือคราบเลือดในที่เกิดเหตุอาชญากรรมกัน จะเห็นว่าใช้อุปกรณ์ที่มีแสงสีฟ้า

    4x Diffuse Beam
    ลำแสงเลเซอร์กว้างกว่าเมาส์ปกติถึง 4 เท่า
    ทำให้เกิดแสงสะท้อนเพื่อส่งข้อมูลกลับมาได้มากขึ้น
    ส่งผลให้สามารถใช้งานบนพื้นผิวที่ไม่ปกติได้ เช่น พื้นพรม
    ซึ่งเมาส์ปกติที่มีลำแสงเลเซอร์แคบกว่า
    จะสับสนในเรื่องพื้นผิวเพราะสะท้อนข้อมูลของเส้นพรมแต่ละเส้นแทน

    Inchoherent Blue Light
    เมาส์ปกติจะมีการส่งลำแสงเลเซอร์ออกมาอย่างต่อเนื่อง
    เมื่อวางบนพื้นผิวที่สกปรกหรือมีฝุ่น ก็จะขัดขวางการส่งสัญญาณข้อมูล
    ทำให้การทำงานผิดพลาดได้ง่าย แต่การส่งลำแสงเลเซอร์ของ Blue Track Mouse
    นี้เป็นแบบไม่ต่อเนื่อง ดังนั้น มันจึงไม่อ่อนไหวต่อพื้นผิวที่มีฝุ่น
    และสามารถส่งข้อมูลได้อย่างมีคุณภาพ

    ส่วนสาเหตุที่ปิ๊งไอเดียในการพัฒนา
    เมาส์แบบใหม่นี้ขึ้นมา เกิดจาก Mark DePue
    สังเกตเห็นภรรยาที่ต้องเลี้ยงลูกขณะกำลังใช้โน้ตบุ๊คทำงานไปด้วย
    เวลาลูกซนและวิ่งทั่วบ้าน เธอก็จะย้ายจุดตามลูกไป
    ไม่ว่าจะเป็นเคาน์เตอร์หินอ่อนในห้องครัว หรือพื้นพรมในห้องนั่งเล่น
    ซึ่งก็ทำให้เกิดความลำบากในการทำงาน เพราะเมาส์ใช้งานไม่ได้เลย

    สำหรับ Blue Track Mouse
    นี้จะออกวางตลาดเมื่อไหร่นั้น Mark DePue ยังไม่เปิดเผยแต่อย่างใด
    อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มันถูกนำมาใช้ในบางหน่วยงานของ Microsoft แล้ว

    ที่มา: กรุงเทพธุรกิจ 12 กันยายน พ.ศ. 2551

    ออร่าคืออะไร
    คำว่าออร่ามาจากภาษาลาติน แปลว่า อากาศ

                    
    มาจากภาษากรีก    แปลว่าลมหายใจ

    หลักฐานทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับออร่า
    - แสงฉัพพรรณรังสีของพระพุทธเจ้าที่เราเห็นตามฝาผนังโบสถ์
    - ภาพรัศมีของพวกนักบุญฝรั่ง


      ส่วนหลักฐานที่จารึกเป็นลายลักษณ์อักษร พบในยุโรปประมาณเกือบ 1,000 ปีมาแล้ว โดยกล่าวถึงออร่าว่า มี 4 จำพวกคือ

    1. นิมบัส Nimbus มีลักษณะเป็นหมอก
    2. ฮาโล Halo เป็นรัศมี

    3. ออเรโอลา Aureola เป็นแสงรอบตัว
    4. กลอรี่ Glory เป็นแสงที่รวมเอาแสงที่ศีรษะและรอบตัวเข้าด้วยกัน (ภาพ)

    แสงออร่าไม่ใช่เรื่องใหม่

      หลายๆ คนอาจจะมองออร่าไม่เห็น แต่ทุกคนสามารถรับข้อมูลและความรู้สึกจากแสงออร่าของผู้อื่นได้ จากประสบการณ์ดังนี้

    1. รู้สึกสดชื่นหรือห่อเหี่ยว เมื่อได้ยินเสียงใครบางคน
    2. รู้สึกว่าเพื่อนคุณสวยหรือหล่อเป็นพิเศษ เมื่อสวมเสื้อผ้าสีใดสีหนึ่ง

    3. รู้สึกว่าคุณสดชื่นขึ้นเมื่อสวมเสื้อผ้าสีใดสีหนึ่ง
    4. รู้สึกว่ามีคนจ้องมองอยู่ เมื่อเหลียวกลับไปก็มีคนจ้องอยู่จริง

    5. รู้สึกชอบหรือเกลียดขี้หน้าคนบางคน ทั้งๆ ที่เพิ่งพบกันเป็นครั้งแรก
    6. รู้สึกโกรธหรือสงบเมื่อย่างเท้าเข้าไปในสถานที่บางแห่ง

    7. รู้สึกว่าคนที่คุยด้วยไม่จริงใจกับคุณ และภายหลังคุณพบว่าความรู้สึกนั้นถูกต้อง


      ถ้าคำตอบเหล่านี้คือ ใช่ แสดงว่าคุณสามารถสัมผัสออร่าได้ และหากฝึกฝนคุณก็สามารถสัมผัส ได้ด้วยตา มือ จิต และอ่านความหมายได้
    รวมไปถึงหากดูแลรักษาสุขภาพ แสงออร่าของตัวเอง จะช่วยให้ร่างกายคุณ ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บมีแต่ความสุขกายสบายใจ

    สีของออร่าและความหมาย

       มี 2 ประเภท
       1. สีของความคิดและอารมณ์

           จะมีลักษณะเป็นหมอก มีความไหลปรากฏเป็นหย่อมๆ
    จะเห็นได้ชัดเจนบริเวณรอบศีรษะ และเหนือบ่า มีสีสันต่างๆ เช่น
        1.1 สีชมพู หมายถึงพลังที่แจ่มใส เต็มไปด้วยความรัก
    อารมณ์ขัน ถ่อมตนสามารถ ปลอบประโลม ผู้อื่น โรแมนติก ข้อเสียคือมักจะใจคอโลเล

        1.2 สีแดง เป็นสีที่แสดงถึงความทะเยอทะยาน เต็มไปด้วยพลังงาน มีความกระฉับกระเฉง และ มีพลังทางเพศ ถ้าเป็นสีแดงมืดอาจหมายถึงอารมณ์รุนแรง
    ถ้าเป็นสีแดงสดใสหมายถึงความ ภาคภูมิใจ และทะเยอทะยานในทางที่ถูกที่ควร ถ้าสีแดงขุ่นเป็นพวกใจคอโหดร้าย

        1.3 สีส้ม / แสด
    เป็นสีของความกระฉับกระเฉงว่องไว มีความสุข สุขภาพ ที่เต็มไปด้วยพลัง
    ถ้ามีแสงสีนี้มากเกินไปจะกลายเป็นคนเย่อหยิ่ง
    สีนี้ยังเป็นสีที่ควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อด้วย

        สีส้มมัวหม่น หรือ ส้มปนน้ำตาล แสดงถึงปัญญาต่ำ ถ้าสีส้มแดงหมายถึง เย่อหยิ่ง อวดฉลาด

        1.4 สีเหลือง
    เป็นสีที่มองเห็นง่ายที่สุดในออร่า เป็นสีของความฉลาดความเมตตา
    มองโลกในแง่ดี รักเพื่อนมนุษย์ นอกจากนั้นยังเป็นสีของภูมิคุ้มกันโรค
    สีเหลืองอมส้มแสดงถึง ความฉลาด - ปราดเปรื่อง
    สีเหลืองขุ่นค้นแสดงถึงความอิจฉาริษยา หรือความคลางแคลงใจ

        1.5 สีเขียว เป็นสีของจิตใจที่ละเอียดอ่อน มีความเข้าใจผู้อื่น นอกจากนั้นยังเป็นสีของ ความรัก การเปลี่ยนแปลง
    การรักษาโรค ความสามารถในการใช้มือ และยังเป็นสีที่แสดงถึงความสมดุล

        ถ้าเป็นสีเขียวสดใสแสดงว่าเป็นคนปรับตัวเก่ง ใจดี ชอบอิสระ
    ถ้าเป็นสีเขียวมืดจะเป็นพวกขี้โกง ขี้อิจฉา
    ถ้าเป็นสีเขียวอมฟ้าเป็นพวกชอบช่วยเหลือผู้อื่นไว้วางใจได้
    เข้าอกเข้าใจผู้อื่น และแสดงถึงความสามารถในการรักษาโรค
    ถ้าเป็นสีเขียวขี้ม้าเป็นพวกชอบหลอกลวง ต้มตุ๋น ขี้โกง และขี้เหนียว

        1.6 สีน้ำเงิน
    เป็นสีของความสงบและสัจจะ เป็นสีของการสื่อสาร พลังจิตความฉลาด
    ความมีอุดมคติ ขยันขันแข็ง ความสำเร็จ สามารถยืนหยัดอยู่บนขาของตัวเอง
    มีความเชื่อมั่นในตนเอง ซื่อตรง จริงใจ และชอบช่วยเหลือผู้อื่น
    มักจะเป็นพวกสมถะ แต่ใจคอหงุดหงิดง่าย

        สีน้ำเงินขุ่นแสดงว่าทัศนะวิสัยถูกปิดกั้น กลายเป็นคนขี้กังวล และขี้ลืม

        1.7 สีคราม เป็นสีของพลังจิต สัมผัสที่ 6 โทรจิต ความฉลาดล้ำลึกความคิดสร้างสรรค์ และความเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ
    มีความจริงใจ ชอบค้นหาสัจจะความจริงของชีวิต
        1.8 สีม่วง เป็น
    พวกจิตละเอียดอ่อน เป็นตัวของตัวเอง มีสัมผัสที่ 6 ชอบทางสมาธิ
    และโน้มเอียงไปทางศาสนา ชอบเรื่องลี้ลับ คนส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อยมีสีนี้
    ผู้ที่มีสีนี้มักจะมีพลังจิตสูง แต่อาจมีปัญหาเกี่ยวกับบริเวณท้อง
    เนื่องจากจักระช่วงบนพัฒนาล้ำหน้าจักระช่วงล่าง
        1.9 สีน้ำตาล
    เป็นสีที่แสดงถึงความคิดแคบๆ ไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น
    เห็นแก่ตัว ชอบคุยแต่เรื่องตัวเอง เป็นคนน่าเบื่อ
    สีน้ำตาลยังเป็นสีของจักระเท้า พลังธรณี และอดีตที่ผ่านมา

        ข้อดีของสีนี้คือ เป็นสีของความขยันขันแข็ง ความมีระเบียบ
    และอาจหมายถึงความมุ่งมั่นที่จะให้สู่จุดมุ่งหมาย และความสำเร็จ

        1.10 สีดำ
    หมายถึง การสิ้นสุด ซึ่งในที่นี้หมายถึง การสิ้นสุดของสถานการณ์หนึ่ง
    เพื่อเปิดโอกาสให้สถานการณ์ใหม่เข้ามา อาจหมายถึงการเกิดใหม่
    หรือความล่าช้าก็ได้ บางครั้งอาจหมายถึง โรคร้ายแรง หรือโรคเรื้อรัง
    อิทธิพลมืด บางครั้งอาจหมายถึงการปกป้องตัวเองจากพลังภายนอก
    หรือคนผู้นั้นอาจจะมีความลับ ถ้าสีดำเกิดปะปนอยู่กับสีอื่นๆ เช่น สีแดง
    แสดงถึงความโกรธ เกลียด อาฆาต พยาบาท สีเหลือง แสดงถึงความคิดชั่วร้าย
    สีเขียวหมายถึง ความคิดหักหลัง อิจฉา

        1.11 สีขาว
    เป็นสีที่มีความสมดุล และสมบูรณ์แบบมากที่สุด จะปรากฏกับพวกนักบุญ พระ
    หรือ ผู้ฝึกสมาธิวิปัสสนาสม่ำเสมอ
    ถ้าปรากฏเป็นเส้นแสงสีขาวผ่านเข้ามาในแสง อาจหมายถึงข่าวสาร
    จากมิติอื่นเข้ามา พวกที่เข้าทรงจะมีสีขาวเข้ามาในแสงระหว่างการเข้าทรง

       ผู้ที่มีสีขาวปรากฏอยู่ในออร่า หมายถึง
    กายแสงได้รับการชำระและฟอกให้บริสุทธิ์ หรืออาจหมายถึง
    สภาพจิตใจที่เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์และบริสุทธิ์

        1.12 สีเงิน หมายถึงแรงบันดาลใจ หรือข่าวสารข้อมูลจากโลกวิญญาณ หรือจากมิติอื่น

        1.13 สีทอง เป็นพลังของจักรวาล หรือพลังจากเทพที่เข้ามาช่วยถ่ายโรคออกจากร่างกาย

        1.14 สีเทา เป็นพวกขาดจินตนาการ คร่ำครึ หัวโบราณ ยึดถือความคิดตนเป็นใหญ่ เจ้าระเบียบ

        ถ้าเป็นสีเทามืด ยิ่งมืดทึบมาก ยิ่งแสดงถึงอารมณ์ที่เหี่ยวเฉา
    สลดหดหู่ คนพวกนี้มักจะว้าเหว่
    ถ้ามีจุดมืดสีนี้ในแสงแสดงถึงโรคอวัยวะที่มีปัญหา หรืออิทธิพลมืด

        ถ้ามีจุดสีแดงอยู่ในเงามืดของแสง แสดงถึงความคิดแง่ลบ ได้แก่ ความเกลียด เคียดแค้น หรือ แม้แต่อารมณ์ฆาตกร
    สีเทาค่อนไปทางสีเงิน แสดงถึงว่าสมองซีกขวาได้รับการกระตุ้นก่อให้เกิด จินตนาการและ สัมผัสที่ 6

            สีที่ไม่ค่อยปรากฏอยู่ด้วยกันคือสีน้ำเงินกับสีแสด
    ถ้าใครมีสองสีนี้อยู่ด้วยกัน จะเป็นคนที่น่าอิจฉา
    เพราะสีน้ำเงินเป็นสีของความสงบ และสีแดงเป็นสีของความสุข
    คุณจะมีแต่ความสงบสุขทางจิตใจ


        2. สีพื้นฐานของออร่า
        จะทราบอย่างไรว่าเรามีสีพื้นฐานของออร่าเป็นสีอะไร

        ง่ายนิดเดียว เพียงคำนวณตามสูตร นำวัน เดือน ปี ค.ศ. ที่เกิด มาบวกกัน

    สมมุติว่า เกิดวันที่ 5 เดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1960
    ก็นำเลขทั้งหมดมาบวกกันคือ 5 + 5 + 1960 = 1970

    จากนั้นก็แยกตัวเลขออกมาบวกกันอีกครั้ง
    จะได้เป็น 1 + 9 + 7 + 0 = 17 ก็นำมาแยกบวกอีกจนกว่าจะได้เลข 1 ตัว

    จะได้เป็น 1 + 7 = 8 เมื่อได้ผลลัพธ์เป็นเลขตัวเดียวแล้ว ขอให้ดูว่า ตัวเลขที่ได้ตรงกับสีพื้นฐาน

        สีอะไร มีความหมายว่าอย่างไร แต่ถ้าเลขบวกกันแล้วได้ผลเป็น 11 และ 22 ไม่ต้องแยกบวกอีก

        เพราะเป็นพวกพิเศษกว่าพวกอื่น


        1. สีแดง ศักยภาพ : ผู้นำ

       พวกมีสีแดงเป็นสีพื้นฐาน จะมีความกระตือรือร้น เป็นผู้นำ
    เต็มไปด้วยพลังกระฉับกระเฉง มีเสน่ห์
    สามารถพูดจาโน้มน้าวจิตใจผู้อื่นได้ดี เป็นคนสนุกสนาน โอบอ้อมอารี กล้าหาญ
    ทะเยอทะยาน มองโลกในแง่ดี ชอบการแข่งขัน เป็นสีที่นำมาซึ่งความสำเร็จ
    คุณควรหาอะไรที่ท้าทายความสามารถทำแต่อย่าให้ถึงกับว่า คุณวิ่งไม่เร็ว
    แต่คุณสร้างโครงการท้าทายความสามารถ โดยฝันที่จะเป็นนักกีฬาโอลิมปิก
    อย่างนี้มันเกินความสามารถมากไป ต้องพิจารณาให้พอเหมาะสม
        ข้อเสีย มักจะขี้กังวล ตื่นตระหนก และอาจหลงตัวเอง รวมทั้งอาจจะบ้างานมากไปจนเครียดควรรู้จักพักผ่อน และคลายความเครียด



        2. สีส้ม/แสด ศักยภาพ : มนุษยสัมพันธ์ดี

       คุณเป็นคนอบอุ่น น่าคบ เข้ากับคนง่าย
    ชอบเป็นที่ปรึกษาปัญหาให้ใครต่อใคร ชอบช่วยเหลือและ
    ทำตัวให้เป็นประโยชน์อยู่เสมอ มีจิตใจเป็นสมถะ ชอบปิดทองหลังพระ
    คุณควรคบกับคนที่มีนิสัยคล้ายคลึงกัน ไม่งั้นคนอื่นจะเอาเปรียบคุณ

        ข้อเสีย ขี้เกียจ ใจน้อย มักถูกคนอื่นเอาเปรียบ



        3. สีเหลือง ศักยภาพ : มีความคิดสร้างสรรค์
    ฉลาด

       คุณเป็นคนคิดอะไรรวดเร็ว มีความกระตือรือร้นอยู่เสมอ เข้าสังคมง่าย
    ปรับตัวเก่ง ชอบคุยถกเถียงปัญหา ชอบเรียนรู้
    และทำอะไรหลายๆอย่างในเวลาเดียวกัน มีพรสวรรค์ด้านการพูด
    งานที่ทำควรเกี่ยวกับการพูดเป็นสื่อ เช่น ครู เซลล์แมน นักการทูต
    ที่ปรึกษา ฯลฯ หรืองานอาชีพที่ต้องใช้คำพูดเป็นหลัก เป็นคนฉลาดหลักแหลม และเรียนรู้อะไรได้รวดเร็ว

        ข้อเสีย จับจด ขี้อาย โกหกเก่ง



        4. สีเขียว ศักยภาพ : รักษาโรค (สีเขียวเป็นสีของการรักษาโรค)

        คุณเป็นคนรักสงบ ชอบช่วยเหลือผู้อื่น จิตใจดี มีพลังจิต ไว้วางใจได้
    คุณอาจมีลักษณะภายนอกหงิมๆ หรือเรียบง่าย แต่ส่วนลึกแล้วดื้อน่าดู คุณเป็นพวกสู้งาน หนักเอาเบาสู้

        ข้อเสีย ดื้นรั้น ไม่รับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น



        5. สีน้ำเงิน ศักยภาพ : เป็นได้ทุกอย่าง

       คุณเป็นพวกมองโลกในแง่ดี แม้ชีวิตจะลุ่มๆ ดอนๆ ไปบ้าง แต่ยังยิ้มสู้เสมอ
    แสงออร่าของคุณจึงกว้างและสว่างไสวเสมอ ทำให้กระชุ่มกระชวย ดูอ่อนกว่าวัย
    คุณมีความจริงใจ ซื่อสัตย์ ปากกับใจตรงกัน รักการผจญภัย มีความคิดสร้างสรรค์และมีจินตนาการ
    ชอบพบปะผู้คน และสนใจการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม มีพรสวรรค์หลายๆ ด้าน

        ข้อเสีย
    ชอบทำงานหลายๆ อย่างในคราวเดียวกัน จึงกลายเป็นคนจับจด
    ทำอะไรไม่สำเร็จสักอย่างนอกจากนั้นยังเป็นพวกชีพจรลงเท้า
    และขาดความอดทนอีกด้วย



        6. สีคราม ศักยภาพ : มีความรับผิดชอบสูง

       คุณชอบงานด้านสังคมสงเคราะห์ ช่วยเหลือผู้อื่น ชอบรับผิดชอบงาน จิตใจโอบอ้อมอารี เป็นที่พึ่งของผู้อื่นได้ ไม่เห็นแก่ตัว

        ข้อเสีย ปฏิเสธใครไม่เป็น ควรหาเวลาเป็นตัวของตัวเองบ้าง มีมาตรฐานการทำงานสูง
    จึงมักหงุดหงิดกับอะไรๆ ที่ไม่ได้ตามมาตรฐานของตนเอง



        7. สีม่วง ศักยภาพ : ฉลาดล้ำลึก
    และสันโดษ

        คุณมีจิตใจละเอียดอ่อน สนใจในศาสตรลึกลับจนบางครั้งดูเหมือนเป็นคนลึกลับ
    คุณมีประสาทสัมผัสที่ ๖ รักสันโดษจนดูเหมือนคุณจะเข้ากับใครไม่ได้

        ข้อเสีย มักดูถูกความคิดผู้อื่น และเก็บความรู้สึกมากเกินไป



        8. สีชมพู ศักยภาพ : นักบริหาร นักธุรกิจ

        คุณเป็นคนมีความตั้งใจจริง แต่ค่อนข้างดื้นรั้น วางมาตรฐานตัวเองไว้สูง
    มีความเด็ดเดี่ยว และมุ่งมั่นที่จะให้บรรลุเป้าหมาย และความสำเร็จ
    อาชีพของคุณจึงต้องเกี่ยวกับการบริหารและความรับผิดชอบ ในส่วนลึกเป็นคนโรแมนติค
    และถ่อมตน รักความสงบ มีเมตตา ขณะเดียวกันจะยืนหยัดต่อสู้อย่างไม่ยอมถอย ถ้าคุณรู้ว่าเป็นฝ่ายถูก

        ข้อเสีย มุงานมากเกินไปจนเครียด ควรหางานอดิเรกคลายเครียด



        9. สีทองเหลือง ศักยภาพ : นักสังคมสงเคราะห์

       คุณเป็นคนอ่อนโยน ชอบช่วยเหลือผู้อื่น เป็นทั้งนักปราชญ์และเป็นคนมีคุณธรรมเต็มเปี่ยม คุณมี

        ความสุขมากที่สุดเมื่อได้ช่วยเหลือผู้อื่นโดยไม่หวังผลตอบแทน เป็นคนมีความสุขและมองโลกในแง่ดี

        ข้อเสีย ปฏิเสธใครไม่เป็น จึงถูกเอาเปรียบบ่อยๆ ควรรู้จักปฏิเสธบ้าง



        11. สีเงิน ศักยภาพ : นักอุดมคติ

       คุณมีประสาทสัมผัสที่ ๖ มีศักยภาพสูงในหลายๆ ด้าน เต็มไปด้วยความคิดแปลกๆ
    ใหม่ๆ ชอบฝันหวาน แต่คุณมักจะฝันมากกว่าลงมือทำจริงๆ เป็นคนซื่อสัตย์
    มีความเชื่อมั่นในตัวเอง มองโลกในแง่ดี ถ้ามุมานะสร้างความฝันให้เป็นความจริงคุณจะไปได้ไกลมากทีเดียว

        ข้อเสีย ขี้เกียจ และบางครั้งจะเครียดจนใครๆ ไม่กล้าเข้าใกล้ ควรหาเวลาพักผ่อน ฝึกสมาธิ หรือโยคะ



        22. สีทอง ศักยภาพ : ไม่มีขอบเขตจำกัด


       คุณสามารถทำเรื่องใหญ่ให้กลายเป็นเรื่องเล็ก
    หรือทำงานใหญ่ให้กลายเป็นเรื่องปอกกล้วยเข้าปาก
    คุณจะประสบความสำเร็จไปแทบทุกเรื่อง เป็นคนมีเสน่ห์จูงใจ
    ทำงานหนักเอาเบาสู้ มีเป้าหมาย ในการทำงานที่แน่นอน
    มีอุดมคติและความสามารถสูง เป็นผู้นำสามารถโน้มน้าวจิตใจผู้อื่นได้

    ที่มา: โลกทิพย์

    ออร่าคืออะไร
    คำว่าออร่ามาจากภาษาลาติน แปลว่า อากาศ

                    
    มาจากภาษากรีก    แปลว่าลมหายใจ

    หลักฐานทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับออร่า
    - แสงฉัพพรรณรังสีของพระพุทธเจ้าที่เราเห็นตามฝาผนังโบสถ์
    - ภาพรัศมีของพวกนักบุญฝรั่ง


      ส่วนหลักฐานที่จารึกเป็นลายลักษณ์อักษร พบในยุโรปประมาณเกือบ 1,000 ปีมาแล้ว โดยกล่าวถึงออร่าว่า มี 4 จำพวกคือ

    1. นิมบัส Nimbus มีลักษณะเป็นหมอก
    2. ฮาโล Halo เป็นรัศมี

    3. ออเรโอลา Aureola เป็นแสงรอบตัว
    4. กลอรี่ Glory เป็นแสงที่รวมเอาแสงที่ศีรษะและรอบตัวเข้าด้วยกัน (ภาพ)

    แสงออร่าไม่ใช่เรื่องใหม่

      หลายๆ คนอาจจะมองออร่าไม่เห็น แต่ทุกคนสามารถรับข้อมูลและความรู้สึกจากแสงออร่าของผู้อื่นได้ จากประสบการณ์ดังนี้

    1. รู้สึกสดชื่นหรือห่อเหี่ยว เมื่อได้ยินเสียงใครบางคน
    2. รู้สึกว่าเพื่อนคุณสวยหรือหล่อเป็นพิเศษ เมื่อสวมเสื้อผ้าสีใดสีหนึ่ง

    3. รู้สึกว่าคุณสดชื่นขึ้นเมื่อสวมเสื้อผ้าสีใดสีหนึ่ง
    4. รู้สึกว่ามีคนจ้องมองอยู่ เมื่อเหลียวกลับไปก็มีคนจ้องอยู่จริง

    5. รู้สึกชอบหรือเกลียดขี้หน้าคนบางคน ทั้งๆ ที่เพิ่งพบกันเป็นครั้งแรก
    6. รู้สึกโกรธหรือสงบเมื่อย่างเท้าเข้าไปในสถานที่บางแห่ง

    7. รู้สึกว่าคนที่คุยด้วยไม่จริงใจกับคุณ และภายหลังคุณพบว่าความรู้สึกนั้นถูกต้อง


      ถ้าคำตอบเหล่านี้คือ ใช่ แสดงว่าคุณสามารถสัมผัสออร่าได้ และหากฝึกฝนคุณก็สามารถสัมผัส ได้ด้วยตา มือ จิต และอ่านความหมายได้
    รวมไปถึงหากดูแลรักษาสุขภาพ แสงออร่าของตัวเอง จะช่วยให้ร่างกายคุณ ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บมีแต่ความสุขกายสบายใจ

    สีของออร่าและความหมาย

       มี 2 ประเภท
       1. สีของความคิดและอารมณ์

           จะมีลักษณะเป็นหมอก มีความไหลปรากฏเป็นหย่อมๆ
    จะเห็นได้ชัดเจนบริเวณรอบศีรษะ และเหนือบ่า มีสีสันต่างๆ เช่น
        1.1 สีชมพู หมายถึงพลังที่แจ่มใส เต็มไปด้วยความรัก
    อารมณ์ขัน ถ่อมตนสามารถ ปลอบประโลม ผู้อื่น โรแมนติก ข้อเสียคือมักจะใจคอโลเล

        1.2 สีแดง เป็นสีที่แสดงถึงความทะเยอทะยาน เต็มไปด้วยพลังงาน มีความกระฉับกระเฉง และ มีพลังทางเพศ ถ้าเป็นสีแดงมืดอาจหมายถึงอารมณ์รุนแรง
    ถ้าเป็นสีแดงสดใสหมายถึงความ ภาคภูมิใจ และทะเยอทะยานในทางที่ถูกที่ควร ถ้าสีแดงขุ่นเป็นพวกใจคอโหดร้าย

        1.3 สีส้ม / แสด
    เป็นสีของความกระฉับกระเฉงว่องไว มีความสุข สุขภาพ ที่เต็มไปด้วยพลัง
    ถ้ามีแสงสีนี้มากเกินไปจะกลายเป็นคนเย่อหยิ่ง
    สีนี้ยังเป็นสีที่ควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อด้วย

        สีส้มมัวหม่น หรือ ส้มปนน้ำตาล แสดงถึงปัญญาต่ำ ถ้าสีส้มแดงหมายถึง เย่อหยิ่ง อวดฉลาด

        1.4 สีเหลือง
    เป็นสีที่มองเห็นง่ายที่สุดในออร่า เป็นสีของความฉลาดความเมตตา
    มองโลกในแง่ดี รักเพื่อนมนุษย์ นอกจากนั้นยังเป็นสีของภูมิคุ้มกันโรค
    สีเหลืองอมส้มแสดงถึง ความฉลาด - ปราดเปรื่อง
    สีเหลืองขุ่นค้นแสดงถึงความอิจฉาริษยา หรือความคลางแคลงใจ

        1.5 สีเขียว เป็นสีของจิตใจที่ละเอียดอ่อน มีความเข้าใจผู้อื่น นอกจากนั้นยังเป็นสีของ ความรัก การเปลี่ยนแปลง
    การรักษาโรค ความสามารถในการใช้มือ และยังเป็นสีที่แสดงถึงความสมดุล

        ถ้าเป็นสีเขียวสดใสแสดงว่าเป็นคนปรับตัวเก่ง ใจดี ชอบอิสระ
    ถ้าเป็นสีเขียวมืดจะเป็นพวกขี้โกง ขี้อิจฉา
    ถ้าเป็นสีเขียวอมฟ้าเป็นพวกชอบช่วยเหลือผู้อื่นไว้วางใจได้
    เข้าอกเข้าใจผู้อื่น และแสดงถึงความสามารถในการรักษาโรค
    ถ้าเป็นสีเขียวขี้ม้าเป็นพวกชอบหลอกลวง ต้มตุ๋น ขี้โกง และขี้เหนียว

        1.6 สีน้ำเงิน
    เป็นสีของความสงบและสัจจะ เป็นสีของการสื่อสาร พลังจิตความฉลาด
    ความมีอุดมคติ ขยันขันแข็ง ความสำเร็จ สามารถยืนหยัดอยู่บนขาของตัวเอง
    มีความเชื่อมั่นในตนเอง ซื่อตรง จริงใจ และชอบช่วยเหลือผู้อื่น
    มักจะเป็นพวกสมถะ แต่ใจคอหงุดหงิดง่าย

        สีน้ำเงินขุ่นแสดงว่าทัศนะวิสัยถูกปิดกั้น กลายเป็นคนขี้กังวล และขี้ลืม

        1.7 สีคราม เป็นสีของพลังจิต สัมผัสที่ 6 โทรจิต ความฉลาดล้ำลึกความคิดสร้างสรรค์ และความเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ
    มีความจริงใจ ชอบค้นหาสัจจะความจริงของชีวิต
        1.8 สีม่วง เป็น
    พวกจิตละเอียดอ่อน เป็นตัวของตัวเอง มีสัมผัสที่ 6 ชอบทางสมาธิ
    และโน้มเอียงไปทางศาสนา ชอบเรื่องลี้ลับ คนส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อยมีสีนี้
    ผู้ที่มีสีนี้มักจะมีพลังจิตสูง แต่อาจมีปัญหาเกี่ยวกับบริเวณท้อง
    เนื่องจากจักระช่วงบนพัฒนาล้ำหน้าจักระช่วงล่าง
        1.9 สีน้ำตาล
    เป็นสีที่แสดงถึงความคิดแคบๆ ไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น
    เห็นแก่ตัว ชอบคุยแต่เรื่องตัวเอง เป็นคนน่าเบื่อ
    สีน้ำตาลยังเป็นสีของจักระเท้า พลังธรณี และอดีตที่ผ่านมา

        ข้อดีของสีนี้คือ เป็นสีของความขยันขันแข็ง ความมีระเบียบ
    และอาจหมายถึงความมุ่งมั่นที่จะให้สู่จุดมุ่งหมาย และความสำเร็จ

        1.10 สีดำ
    หมายถึง การสิ้นสุด ซึ่งในที่นี้หมายถึง การสิ้นสุดของสถานการณ์หนึ่ง
    เพื่อเปิดโอกาสให้สถานการณ์ใหม่เข้ามา อาจหมายถึงการเกิดใหม่
    หรือความล่าช้าก็ได้ บางครั้งอาจหมายถึง โรคร้ายแรง หรือโรคเรื้อรัง
    อิทธิพลมืด บางครั้งอาจหมายถึงการปกป้องตัวเองจากพลังภายนอก
    หรือคนผู้นั้นอาจจะมีความลับ ถ้าสีดำเกิดปะปนอยู่กับสีอื่นๆ เช่น สีแดง
    แสดงถึงความโกรธ เกลียด อาฆาต พยาบาท สีเหลือง แสดงถึงความคิดชั่วร้าย
    สีเขียวหมายถึง ความคิดหักหลัง อิจฉา

        1.11 สีขาว
    เป็นสีที่มีความสมดุล และสมบูรณ์แบบมากที่สุด จะปรากฏกับพวกนักบุญ พระ
    หรือ ผู้ฝึกสมาธิวิปัสสนาสม่ำเสมอ
    ถ้าปรากฏเป็นเส้นแสงสีขาวผ่านเข้ามาในแสง อาจหมายถึงข่าวสาร
    จากมิติอื่นเข้ามา พวกที่เข้าทรงจะมีสีขาวเข้ามาในแสงระหว่างการเข้าทรง

       ผู้ที่มีสีขาวปรากฏอยู่ในออร่า หมายถึง
    กายแสงได้รับการชำระและฟอกให้บริสุทธิ์ หรืออาจหมายถึง
    สภาพจิตใจที่เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์และบริสุทธิ์

        1.12 สีเงิน หมายถึงแรงบันดาลใจ หรือข่าวสารข้อมูลจากโลกวิญญาณ หรือจากมิติอื่น

        1.13 สีทอง เป็นพลังของจักรวาล หรือพลังจากเทพที่เข้ามาช่วยถ่ายโรคออกจากร่างกาย

        1.14 สีเทา เป็นพวกขาดจินตนาการ คร่ำครึ หัวโบราณ ยึดถือความคิดตนเป็นใหญ่ เจ้าระเบียบ

        ถ้าเป็นสีเทามืด ยิ่งมืดทึบมาก ยิ่งแสดงถึงอารมณ์ที่เหี่ยวเฉา
    สลดหดหู่ คนพวกนี้มักจะว้าเหว่
    ถ้ามีจุดมืดสีนี้ในแสงแสดงถึงโรคอวัยวะที่มีปัญหา หรืออิทธิพลมืด

        ถ้ามีจุดสีแดงอยู่ในเงามืดของแสง แสดงถึงความคิดแง่ลบ ได้แก่ ความเกลียด เคียดแค้น หรือ แม้แต่อารมณ์ฆาตกร
    สีเทาค่อนไปทางสีเงิน แสดงถึงว่าสมองซีกขวาได้รับการกระตุ้นก่อให้เกิด จินตนาการและ สัมผัสที่ 6

            สีที่ไม่ค่อยปรากฏอยู่ด้วยกันคือสีน้ำเงินกับสีแสด
    ถ้าใครมีสองสีนี้อยู่ด้วยกัน จะเป็นคนที่น่าอิจฉา
    เพราะสีน้ำเงินเป็นสีของความสงบ และสีแดงเป็นสีของความสุข
    คุณจะมีแต่ความสงบสุขทางจิตใจ


        2. สีพื้นฐานของออร่า
        จะทราบอย่างไรว่าเรามีสีพื้นฐานของออร่าเป็นสีอะไร

        ง่ายนิดเดียว เพียงคำนวณตามสูตร นำวัน เดือน ปี ค.ศ. ที่เกิด มาบวกกัน

    สมมุติว่า เกิดวันที่ 5 เดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1960
    ก็นำเลขทั้งหมดมาบวกกันคือ 5 + 5 + 1960 = 1970

    จากนั้นก็แยกตัวเลขออกมาบวกกันอีกครั้ง
    จะได้เป็น 1 + 9 + 7 + 0 = 17 ก็นำมาแยกบวกอีกจนกว่าจะได้เลข 1 ตัว

    จะได้เป็น 1 + 7 = 8 เมื่อได้ผลลัพธ์เป็นเลขตัวเดียวแล้ว ขอให้ดูว่า ตัวเลขที่ได้ตรงกับสีพื้นฐาน

        สีอะไร มีความหมายว่าอย่างไร แต่ถ้าเลขบวกกันแล้วได้ผลเป็น 11 และ 22 ไม่ต้องแยกบวกอีก

        เพราะเป็นพวกพิเศษกว่าพวกอื่น


        1. สีแดง ศักยภาพ : ผู้นำ

       พวกมีสีแดงเป็นสีพื้นฐาน จะมีความกระตือรือร้น เป็นผู้นำ
    เต็มไปด้วยพลังกระฉับกระเฉง มีเสน่ห์
    สามารถพูดจาโน้มน้าวจิตใจผู้อื่นได้ดี เป็นคนสนุกสนาน โอบอ้อมอารี กล้าหาญ
    ทะเยอทะยาน มองโลกในแง่ดี ชอบการแข่งขัน เป็นสีที่นำมาซึ่งความสำเร็จ
    คุณควรหาอะไรที่ท้าทายความสามารถทำแต่อย่าให้ถึงกับว่า คุณวิ่งไม่เร็ว
    แต่คุณสร้างโครงการท้าทายความสามารถ โดยฝันที่จะเป็นนักกีฬาโอลิมปิก
    อย่างนี้มันเกินความสามารถมากไป ต้องพิจารณาให้พอเหมาะสม
        ข้อเสีย มักจะขี้กังวล ตื่นตระหนก และอาจหลงตัวเอง รวมทั้งอาจจะบ้างานมากไปจนเครียดควรรู้จักพักผ่อน และคลายความเครียด



        2. สีส้ม/แสด ศักยภาพ : มนุษยสัมพันธ์ดี

       คุณเป็นคนอบอุ่น น่าคบ เข้ากับคนง่าย
    ชอบเป็นที่ปรึกษาปัญหาให้ใครต่อใคร ชอบช่วยเหลือและ
    ทำตัวให้เป็นประโยชน์อยู่เสมอ มีจิตใจเป็นสมถะ ชอบปิดทองหลังพระ
    คุณควรคบกับคนที่มีนิสัยคล้ายคลึงกัน ไม่งั้นคนอื่นจะเอาเปรียบคุณ

        ข้อเสีย ขี้เกียจ ใจน้อย มักถูกคนอื่นเอาเปรียบ



        3. สีเหลือง ศักยภาพ : มีความคิดสร้างสรรค์
    ฉลาด

       คุณเป็นคนคิดอะไรรวดเร็ว มีความกระตือรือร้นอยู่เสมอ เข้าสังคมง่าย
    ปรับตัวเก่ง ชอบคุยถกเถียงปัญหา ชอบเรียนรู้
    และทำอะไรหลายๆอย่างในเวลาเดียวกัน มีพรสวรรค์ด้านการพูด
    งานที่ทำควรเกี่ยวกับการพูดเป็นสื่อ เช่น ครู เซลล์แมน นักการทูต
    ที่ปรึกษา ฯลฯ หรืองานอาชีพที่ต้องใช้คำพูดเป็นหลัก เป็นคนฉลาดหลักแหลม และเรียนรู้อะไรได้รวดเร็ว

        ข้อเสีย จับจด ขี้อาย โกหกเก่ง



        4. สีเขียว ศักยภาพ : รักษาโรค (สีเขียวเป็นสีของการรักษาโรค)

        คุณเป็นคนรักสงบ ชอบช่วยเหลือผู้อื่น จิตใจดี มีพลังจิต ไว้วางใจได้
    คุณอาจมีลักษณะภายนอกหงิมๆ หรือเรียบง่าย แต่ส่วนลึกแล้วดื้อน่าดู คุณเป็นพวกสู้งาน หนักเอาเบาสู้

        ข้อเสีย ดื้นรั้น ไม่รับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น



        5. สีน้ำเงิน ศักยภาพ : เป็นได้ทุกอย่าง

       คุณเป็นพวกมองโลกในแง่ดี แม้ชีวิตจะลุ่มๆ ดอนๆ ไปบ้าง แต่ยังยิ้มสู้เสมอ
    แสงออร่าของคุณจึงกว้างและสว่างไสวเสมอ ทำให้กระชุ่มกระชวย ดูอ่อนกว่าวัย
    คุณมีความจริงใจ ซื่อสัตย์ ปากกับใจตรงกัน รักการผจญภัย มีความคิดสร้างสรรค์และมีจินตนาการ
    ชอบพบปะผู้คน และสนใจการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม มีพรสวรรค์หลายๆ ด้าน

        ข้อเสีย
    ชอบทำงานหลายๆ อย่างในคราวเดียวกัน จึงกลายเป็นคนจับจด
    ทำอะไรไม่สำเร็จสักอย่างนอกจากนั้นยังเป็นพวกชีพจรลงเท้า
    และขาดความอดทนอีกด้วย



        6. สีคราม ศักยภาพ : มีความรับผิดชอบสูง

       คุณชอบงานด้านสังคมสงเคราะห์ ช่วยเหลือผู้อื่น ชอบรับผิดชอบงาน จิตใจโอบอ้อมอารี เป็นที่พึ่งของผู้อื่นได้ ไม่เห็นแก่ตัว

        ข้อเสีย ปฏิเสธใครไม่เป็น ควรหาเวลาเป็นตัวของตัวเองบ้าง มีมาตรฐานการทำงานสูง
    จึงมักหงุดหงิดกับอะไรๆ ที่ไม่ได้ตามมาตรฐานของตนเอง



        7. สีม่วง ศักยภาพ : ฉลาดล้ำลึก
    และสันโดษ

        คุณมีจิตใจละเอียดอ่อน สนใจในศาสตรลึกลับจนบางครั้งดูเหมือนเป็นคนลึกลับ
    คุณมีประสาทสัมผัสที่ ๖ รักสันโดษจนดูเหมือนคุณจะเข้ากับใครไม่ได้

        ข้อเสีย มักดูถูกความคิดผู้อื่น และเก็บความรู้สึกมากเกินไป



        8. สีชมพู ศักยภาพ : นักบริหาร นักธุรกิจ

        คุณเป็นคนมีความตั้งใจจริง แต่ค่อนข้างดื้นรั้น วางมาตรฐานตัวเองไว้สูง
    มีความเด็ดเดี่ยว และมุ่งมั่นที่จะให้บรรลุเป้าหมาย และความสำเร็จ
    อาชีพของคุณจึงต้องเกี่ยวกับการบริหารและความรับผิดชอบ ในส่วนลึกเป็นคนโรแมนติค
    และถ่อมตน รักความสงบ มีเมตตา ขณะเดียวกันจะยืนหยัดต่อสู้อย่างไม่ยอมถอย ถ้าคุณรู้ว่าเป็นฝ่ายถูก

        ข้อเสีย มุงานมากเกินไปจนเครียด ควรหางานอดิเรกคลายเครียด



        9. สีทองเหลือง ศักยภาพ : นักสังคมสงเคราะห์

       คุณเป็นคนอ่อนโยน ชอบช่วยเหลือผู้อื่น เป็นทั้งนักปราชญ์และเป็นคนมีคุณธรรมเต็มเปี่ยม คุณมี

        ความสุขมากที่สุดเมื่อได้ช่วยเหลือผู้อื่นโดยไม่หวังผลตอบแทน เป็นคนมีความสุขและมองโลกในแง่ดี

        ข้อเสีย ปฏิเสธใครไม่เป็น จึงถูกเอาเปรียบบ่อยๆ ควรรู้จักปฏิเสธบ้าง



        11. สีเงิน ศักยภาพ : นักอุดมคติ

       คุณมีประสาทสัมผัสที่ ๖ มีศักยภาพสูงในหลายๆ ด้าน เต็มไปด้วยความคิดแปลกๆ
    ใหม่ๆ ชอบฝันหวาน แต่คุณมักจะฝันมากกว่าลงมือทำจริงๆ เป็นคนซื่อสัตย์
    มีความเชื่อมั่นในตัวเอง มองโลกในแง่ดี ถ้ามุมานะสร้างความฝันให้เป็นความจริงคุณจะไปได้ไกลมากทีเดียว

        ข้อเสีย ขี้เกียจ และบางครั้งจะเครียดจนใครๆ ไม่กล้าเข้าใกล้ ควรหาเวลาพักผ่อน ฝึกสมาธิ หรือโยคะ



        22. สีทอง ศักยภาพ : ไม่มีขอบเขตจำกัด


       คุณสามารถทำเรื่องใหญ่ให้กลายเป็นเรื่องเล็ก
    หรือทำงานใหญ่ให้กลายเป็นเรื่องปอกกล้วยเข้าปาก
    คุณจะประสบความสำเร็จไปแทบทุกเรื่อง เป็นคนมีเสน่ห์จูงใจ
    ทำงานหนักเอาเบาสู้ มีเป้าหมาย ในการทำงานที่แน่นอน
    มีอุดมคติและความสามารถสูง เป็นผู้นำสามารถโน้มน้าวจิตใจผู้อื่นได้

    ที่มา: โลกทิพย์

    10/9/51 |





    หนึ่งนาทีที่แล้วฉันยัง
    ยังไม่คิดจะรักใครสักนิดเลย
    แต่นาทีจากนี้ ฉันมั่นใจว่ามันใช่เลย
    แค่สบสายตา เธอที่มองมาที่ฉัน

    หนึ่งนาทีที่แล้วฉันยัง
    ยังไม่เชื่อเรื่องพรหมลิขิตเท่าไร
    แต่นาทีจากนี้ ฉันแน่ใจว่าต้องรักใคร
    จากวิธีที่เธอยิ้มให้กับฉัน

    คิดเหมือนกันกับฉัน ใช่ไหม
    มันเหมือนว่าเราคุ้นเคยกัน
    อย่างกับฉันเคย เคยได้พบเธอ รู้สึกดีในหัวใจ
    ขออะไรอย่างนึงได้รึเปล่า
    จากนาทีนี้ไป อยู่เคียงข้างกันจะได้ไหม
    มาใช้นาทีร่วมกัน

    หนึ่งนาทีจากนี้โลกคง
    คงจะเสียคนเหงาไปอีกสองคน
    แต่จะมีคู่รัก อีกคู่หนึ่งขึ้นมาทดแทน
    อยู่ที่เธอว่าจะรักกันบ้างไหม

    คิดเหมือนกันกับฉัน ใช่ไหม
    มันเหมือนว่าเราคุ้นเคยกัน
    อย่างกับฉันเคย เคยได้พบเธอ รู้สึกดีในหัวใจ
    ขออะไรอย่างนึงได้รึเปล่า
    จากนาทีนี้ไป อยู่เคียงข้างกันจะได้ไหม
    มาใช้นาทีร่วมกัน

    คิดเหมือนกันกับฉัน ใช่ไหม
    มันเหมือนว่าเราคุ้นเคยกัน
    อย่างกับฉันเคย เคยได้พบเธอ รู้สึกดีในหัวใจ
    ขออะไรอย่างนึงได้รึเปล่า
    จากนาทีนี้ไป อยู่เคียงข้างกันจะได้ไหม
    อยากใช้นาทีด้วยกัน จากนี้แค่เธอกับฉัน




    เธอ เธอจำได้หรือเปล่า
    จำวันคืนที่เรา มีให้กันได้ไหม
    เรา ผ่านอะไรมากมาย
    ทุกๆ สิ่งดีร้าย ล้วนมีความสำคัญ

    วันคืนที่เราเรียนรู้กัน
    ส่งให้เธอกับฉัน ก้าวมาขั้นสุดท้าย

    ก็มันเป็น รักที่เกิดจากความใกล้ชิด
    ผ่านสิ่งที่มีชีวิตที่เรียกว่าหัวใจ
    ก็แค่เราสานต่อแบบไม่ต้องหยุดพัก
    ปล่อยสิ่งที่เรียกว่ารัก ก้าวไปโตไป
    อย่างที่ใจต้องการ

    เธอ อาจจะลืมสังเกต
    มีอารมณ์พิเศษ เกิดกับเธอและฉัน
    เกินกว่าจะเป็นเพื่อนกัน
    เพราะคำตอบเหล่านั้น ฉันรู้มันด้วยใจ

    มีคนดีดี นับร้อยพัน
    แต่อย่างเธอกับฉัน จะไปหาที่ไหน

    ก็มันเป็น รักที่เกิดจากความใกล้ชิด
    ผ่านสิ่งที่มีชีวิตที่เรียกว่าหัวใจ
    ก็แค่เราสานต่อแบบไม่ต้องหยุดพัก
    ปล่อยสิ่งที่เรียกว่ารัก ก้าวไปโตไป
    อย่างที่ใจต้องการ

    หากว่าฉัน ต้องการคู่คิดสักคน
    ผ่านชีวิตร้อนหนาว ผ่านแดดและฝน
    ก็อยากให้เธอ อยู่กับฉัน

    ก็มันเป็น รักที่เกิดจากความใกล้ชิด
    ผ่านสิ่งที่มีชีวิตที่เรียกว่าหัวใจ
    ก็แค่เราสานต่อแบบไม่ต้องหยุดพัก
    ปล่อยสิ่งที่เรียกว่ารัก ก้าวไปโตไป
    อย่างที่ใจต้องการ

    Chorus
    จ้องตาอยู่ทุกวัน คบกันจนรู้ใจ
    ฉันคงไม่รักใคร หันไปก็เห็นเธอ

    กลิ่น-T-Bone

    |



    ใกล้ๆ กัน ดังกับเราได้อยู่ในฝัน เมื่อตัวฉันได้มาอยู่ใกล้เธอ
    หอมตัวเธอ ทำเอาเราต้องมาพร่ำเพ้อ ดันไปเผลอหายใจอยู่ข้างเธอ

    ** ลมเอยอย่าพัดเลยตอนนี้ กลัวจะจางหายไป...
    กำลังเพลินกับการได้หายใจ เอากลิ่นกายของเธอในยามใกล้กัน

    * หอมกลิ่นเหลือเกิน จะสูดเข้าไป ฉันอยากหายใจ เอาไว้ให้มากพอ
    ขอสูดขอดม จะบ่มเอาไว้ หอมกลิ่นหัวใจ เมื่อฉันได้ใกล้เธอ

    ขอเพียงเธอ มีเวลาได้อยู่ข้างฉัน เพียงเท่านั้นฉันคงสุขหัวใจ
    ไม่โดนตัว กลัวจะทำให้เธอด่างพร้อย เพียงปลายก้อยฉันยังไม่คิดเลย

    พอใจจะหอมแค่เพียงกลิ่นกาย คงไม่จางหายไป
    เพราะความจริง เธอหอมไปถึงหัวใจ สูดเท่าไร ความหอมมันคงไม่จาง

    (ซ้ำ *)


    (ซ้ำ ** / * / *)

    กอด-T-Bone

    |



    กอด.....กันหน่อยได้ไหม ให้ฉันได้ชื่นใจซักที
    กอด.....กันเถอะคนดี สุขทุกนาทีที่ได้กอด.....กัน
    อยากจะกอด.....เธอไว้ ให้หัวใจฉันเคียงข้างเธอ
    กอด.....เธอแบบเพลินๆ ไม่คิดล่วงเกิน แค่พออุ่นใจ

    โลกเราวันนี้....สับสนเหลือเกินฉันเลยเป็นห่วง
    เห็นเธอเหนื่อยล้า.....เลยคิดว่าดีถ้าเรากอด.....กัน

    จับมือกอด.....กันไว้.......ร้อยดวงใจของเราสองคน
    กอด.....โลกใหญ่ใบกลม.....กอด.....ให้ทุกคนได้เป็นสุขใจ
    โลกเราวันนี้......สับสนเหลือเกินฉันเลยเป็นห่วง
    เห็นเธอเหนื่อยล้า......เลยคิดว่าดีถ้าเรากอด.....กัน

    จับมือกอด.....กันไว้.....แล้วรวมใจของเราทุกคน
    กอด.....โลกใหญ่ใบกลม......กอด.....ไว้ทุกคนได้เป็นสุขใจ
    ได้เป็นสุขใจ ...ได้เป็นสุขใจ

    บังเอิญ-Chocolate Kits

    |



    บังเอิญใครเหงาใจอยู่ตรงนี้ บังเอิญเคยไม่มีใครสักคน
    บังเอิญมีสายตาผ่านมาชน ... ฉันพบเธอ ด้วยเหตุผลกลใด
    อยู่ห่างกันแสนไกล ด้วยฟ้าดลใจให้เราพบเจอ

    แต่ไม่บังเอิญหรอกที่รักเธอ และไม่บังเอิญเลยที่เผลอใจ
    คือรักแท้จริงจากใจถึงใจ บังเอิญเจอะใครตั้งมากมาย
    แต่ไม่บังเอิญที่ฉันขอมีเธอ

    บังเอิญที่ไหนกันที่หวั่นไหว มันคงเป็นเพราะใจคิดถึงเธอ
    บังเอิญมีแสงดาวยิ่งละเมอ ฉันพบเธอ ด้วยเหตุผลกลใด
    อยู่ห่างกันแสนไกล ด้วยฟ้าดลใจให้เราพบเจอ

    แต่ไม่บังเอิญหรอกที่รักเธอ และไม่บังเอิญเลยที่เผลอใจ
    คือรักแท้จริงจากใจถึงใจ บังเอิญเจอะใครตั้งมากมาย
    แต่ไม่บังเอิญที่ฉันขอมีเธอ

    แล้ววันนี้บังเอิญอากาศเป็นใจเหลือเกิน
    ฉันอยากถามว่าเธอบังเอิญมีใจให้ฉัน...หรือแค่ฝันไป

    (...มันไม่บังเอิญเลยที่กระผมมาเจอกับคุณมาได้
    ผมมาเจอคุณเธอดวงตามันหวามละมุน
    คุณจะไม่รู้ ว่าตัวกระผมนั้นเจ้าชู้
    ก็อยากให้ลองคิดดู เลยบอกให้รู้ไว้เอาบุญ...น่่ะ

    เพราะความเป็นจริงมันคงเป็นความจงใจ
    มันเป็นแผนที่อยากจะพบจะเจอ เพื่อให้คุณมารักยังไง
    ผมมันตัวคนเดียวตั้งนานเดียวดายไม่หล่อแต่เร้าใจ
    คิดแล้วก็คงจะดีก็ถ้าหากวันนี้ได้อยู่กับแม่ไฉไล)

    ฉันพบเธอ ด้วยเหตุผลกลใด
    อยู่ห่างกันแสนไกล ด้วยฟ้าดลใจให้เราพบเจอ

    แต่ไม่บังเอิญหรอกที่รักเธอ และไม่บังเอิญเลยที่เผลอใจ
    คือรักแท้จริงจากใจถึงใจ บังเอิญเจอะใครตั้งมากมาย
    แต่ไม่บังเอิญที่ฉันขอมีเธอ

    ฟ้าบังเอิญมาพบ และทำให้ฉันได้คู่เธอ
    ฟ้าให้เราได้เจอกับคนที่หามาตั้งนาน
    และคงเป็นสวรรค์ที่ทำให้เราได้รักกัน
    อยากบังเอิญให้ฉันมีเธอ...ตลอดไป



    เธอ เธอเป็นสีชมพู เธอมีโลกของเธออยู่ ที่ฉันไม่อาจล่วงรู้และไม่เคยเข้าไป
    ส่วนฉันเป็นสีเทา มีแต่ความเหงารอบๆกาย ไม่รู้เลยในความหมายอะไรมากกว่านี้

    แต่เธอและฉันก็เดินเข้ามาชิดใกล้ มาทำให้ฉันแปรเปลี่ยนเป็นสีใหม่
    เมื่อชีวิตของเราไหลปนกัน โลกของฉันก็ดูจะเปลี่ยนสีไป

    *อะไรเป็นของเธอ ก็กลายเป็นอะไรของฉัน เมื่อเราต่างเทสีผสมละลายเข้าด้วยกัน
    โลกของฉันและเธอก็สดใสกว้างใหญ่ขึ้นกว่าวันนั้น
    เมื่อสีทั้งสองผสมกัน เมื่อนั้นมันก็จะเป็นสีของเรา

    เราผลัดกันเดินเข้าไป สู่โลกคนละใบ สุดท้ายก็ต่างไม่รู้ ว่าโลกของใครเป็นของใคร
    เมื่อในวันนั้นเธอเข้ามาใกล้ๆ มาทำตัวฉันแปรเปลี่ยนเป็นสีใหม่
    และเมื่อสีของเราไหลรวมกัน โลกของฉันก็ค่อยๆเปลี่ยนไปทั้งใบ

    *

    โอ้... เมื่อเธอได้เข้ามา ฉันก็ได้เห็นอะไรที่มากกว่า
    จากนี้และเรื่อยไป จากนี้ทั้งหัวใจ
    ก็คงจะไม่มีอะไรเหมือนเดิมใช่ไหม

    อะไรเป็นของเธอ ก็กลายเป็นอะไรของฉัน เมื่อเราต่างเทสีผสมละลายเข้าด้วยกัน
    ก็คงจะเป็นไปตามทฤษฏี ที่เขาบอกไว้ว่ามัน เมื่อสีทั้งสองผสมกันนั้น...

    ก็คงไม่มี อะไรที่จะเป็นเหมือนเดิมได้อย่างวันนั้น
    เมื่อสีทั้งสองผสมกัน เมื่อนั้นมันก็จะเป็นสีของเรา

    ขอ - Paradox

    |




    ขอบคุณ โชคชะตาที่ทำให้เราได้พบกัน

    ทุกข์ทรมาน อยู่กับความเหงา ความเดียวดาย
    คืนและวันที่ผ่าน เกิดทั้งร้ายดี แต่หัวใจดวงนี้เฝ้าแต่รอ

    และเมื่อฉันได้พบเธอ ก็เหมือนโลกหยุดหมุน
    ทุกสิ่งพลัน สวยงามเมื่อเจอเธอ
    อาจจะเป็นแค่ครั้งเดียวที่ฟ้ากำหนดมา จนทำให้ฉันได้เจอ

    ขอให้รักต่อจากนี้ ให้รักเราผลิบาน ให้ฟ้าช่วยประทานพร
    ดลบันดาลต่อจากนี้ ให้สองเราผูกพัน เกิดเป็นความทรงจำที่ดี

    และเมื่อฉันได้พบเธอ ก็เหมือนโลกหยุดหมุน
    ทุกสิ่งพลัน สวยงามเมื่อเจอเธอ
    อาจจะเป็นแค่ครั้งเดียวที่ฟ้ากำหนดมา จนทำให้ฉันได้เจอ

    ขอให้รักต่อจากนี้ ให้รักเราผลิบาน ให้ฟ้าช่วยประทานพร
    ดลบันดาลต่อจากนี้ ให้สองเราผูกพัน เกิดเป็นความทรงจำที่ดี

    ขอให้รักต่อจากนี้ ให้รักเราผลิบาน ให้ฟ้าช่วยประทานพร
    ดลบันดาลต่อจากนี้ ให้สองเราผูกพัน เกิดเป็นความทรงจำที่หาก
    วอนคำขอพรทุกสิ่ง มอบแด่เธอ.. ผู้ทำให้ฉันพบความสดใส
    ขอให้รักต่อจากนี้ ให้รักเราผลิบาน ให้ฟ้าช่วยประทานพร
    ดลบันดาลต่อจากนี้ ให้สองเราผูกพัน เกิดเป็นความทรงจำที่ดี..
    ดี.. ฮา.. ฮู.. ฮา..

    ว่าด้วยเรื่องของ...กาแฟ

    19/8/51 |

    สายพันธุ์กาแฟ

    เป็นที่ทราบกันดีว่า สายพันธุ์กาแฟหลัก หรือต้นตระกูลพืชกาแฟดั้งเดิมในโลกนี้มีเพียง 4 สายพันธุ์เท่านั้น คือ 1. Coffea Arabica 2. Coffea Robusta 3. Coffea Excelsa และ 4. Coffea Liberica จากนั้นก็มีการผสมข้ามสายพันธุ์จนแยกย่อยออกไปอีกหลายชนิด

    แต่ที่นิยมปลูกกันในเชิงพาณิชย์ทั่วโลกมีประมาณ 25 ชนิด และสายพันธุ์ Arabica และ Robusta ปลูกกันมากที่สุด รวมถึงในประเทศไทยเราด้วย

    อาราบิกา (Arabica : Coffee Arabica)

    เป็น พันธุ์กาแฟที่ผู้คนนิยมมากที่สุด มีลักษณะเด่นที่กลิ่น และรสที่หอมหวาน จึงถูกใจคนทั่วโลก อีกทั้งยังมีสารคาเฟอีนน้อยกว่า ประมาณ 1-1.6% ต่อเมล็ด แต่มีข้อจำกัดในเรือ่งพื้นที่ปลูก ประเทศไทยมีปลูกมาในจังหวัดทางภาคเหนือ เช่น เชียงใหม่,เชียงราย,แม่ฮ่องสอนเป็นต้น

    โรบัสต้า (Robusta: Coffee Canephora)

    เป็น พันธุ์ที่ทนต่อโรค แต่มีรสชาติกระด้างกว่า ไม่อ่อนละมุนเหมือนอาราบิกา มี body สูง มีสารคาเฟอีน มากว่าอาราบิกา 2-3% ต่อเมล็ด สามารถปลูกได้ผลตั้แต่ระดับน้ำทะเลจนถึงระดับเหนือน้ำทะเล ประเทศไทยปลูกมากแถบภาคใต้ เช่น ชุมพร,ระนอง,สุราษฎร์ธานี เป็นต้น ในตลาดโลก กาแฟโรบัสตา ถือว่าเป็นกาแฟคุณภาพต่ำ เมล็ดดิบราคาไม่สูงนัก แต่อย่างไรก็ตาม ผลผลิตเกือบทั้งหมดของ โรบัสตามักถูกนำไปผลิตเป็นกาแฟสำเร็จรูปมากกว่า จึงมีการผลิตป้อนสู่ตลาดโลกอย่างต่อเนื่อง

    การคั่ว

    การคั่วกาแฟ คือกระบวนการที่ทำให้เมล็ดกาแฟอุณหภูมิสูงขึ้น จากระดับอุณหภูมิห้องไปจนถึง 200 – 230 องศาเซลเซียส หรือประมาณ 400 – 450 องศาฟาเรนไฮต์

    ใน ระหว่างการคั่ว น้ำและความชื้นที่อยู่ภายในเมล็ดกาแฟจะถูกไล่ออกไป ทำให้สีของเมล็ดกาแฟเริ่มเปลี่ยนจากสีเขียวแห้ง ๆ เป็นสีเขียวมัน เงา แล้วกลายเป็นสีน้ำตาลซีด จากนั้นจะค่อย ๆ เข้มขึ้นตามลำดับ หากคั่วจนเข้มมาก ๆ น้ำมันที่อยู่ภายในเมล็ดกาแฟจะหลั่งออกมาและเคลือบเมล็ดกาแฟจนเป็นเงามัน

    เมล็ด กาแฟที่คั่วสุกแล้วน้ำหนักจะเบาขึ้นประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากน้ำและความชื้นถูกไล่ออกไป แต่จะมีขนาดใหญ่ขึ้นประมาณ 1 เท่าตัวเลยทีเดียว ยิ่งคั่วเข้มมาก น้ำหนักก็จะหายไปมาก แต่ขนาดก็จะใหญ่มากขึ้น

    เครื่อง คั่วกาแฟนั้นมีหลายแบบ หลายขนาด ตั้งแต่เครื่องคั่วขนาดเล็ก แบบที่ใช้ได้ตามบ้านหรือห้องทดลอง ไปจนถึงขนาดกลาง และขนาดใหญ่ แบบที่ใช้ในร้านหรือโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งมีทั้งแบบที่ใช้ความร้อนโดยตรง หรือแบบที่ใช้อากาศร้อนเป็นตัวทำให้เมล็ดกาแฟสุก

    ผู้ คั่ว หรือผู้ควบคุมเครื่องคั่ว (Roast Master) ต้องมีความเชี่ยวชาญในการดูสี หรือเทียบสีของเมล็ดกาแฟที่คั่วได้ และจะต้องทราบถึงคุณสมบัติของเมล็ดกาแฟแต่ละชนิดเป็นอย่างดี จึงจะได้เมล็ดกาแฟคั่วที่มีคุณภาพ และรสชาติตามที่ต้องการ
    ใน ขั้นตอนการคั่ว สีของเมล็ดกาแฟเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะโดยส่วนใหญ่เราจะใช้สีของเมล็ดกาแฟที่คั่วแล้วเป็นตัวแบ่งระดับความ เข้มของกาแฟ ซึ่งหมายถึงการบ่งบอกคุณสมบัติและรสชาติของกาแฟด้วยเช่นกัน

    การ แบ่งระดับความเข้มของกาแฟด้วยสีนั้นไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัว ในแต่ละระดับจะมีชื่อเรียกที่แตกต่างกันไป โดยทั่วไปแล้วจะแบ่งออกเป็น 4 ระดับ

    ระดับ แรกสุดคือ ระดับอ่อน หรือ Light Roast มีชื่อเรียกต่าง ๆ เช่น Half City หรือ Cinnamon Roast กาแฟที่คั่วระดับนี้จะมีสีน้ำตาลอ่อน คล้ายสีของซินนาม่อน หรืออบเชยนั่นเอง
    การ คั่วระดับนี้ เรียกได้ว่าเป็นระดับการคั่วที่คงความหอมและคุณสมบัติดั้งเดิมของกาแฟไว้ได้ มากที่สุด ส่วนใหญ่แล้วจะมี Acidity หรือความเปรี้ยว สดชื่นสูง และมีรสฝาดอยู่มาก

    ระดับ ปานกลาง หรือ Medium Roast ซึ่งในบางครั้งจะมีผู้เรียกว่า Full City บ้าง หรือ American บ้าง เมล็ดกาแฟจะมีสีน้ำตาลเข้มปานกลาง ให้รสชาติขมปนหวาน มีความเปรี้ยวเล็กน้อย เป็นระดับการคั่วที่ให้ความกลมกล่อมของกลิ่นและรสชาติของกาแฟได้ดีที่สุด

    ระดับ เข้ม หรือ Dark Roast และยังมีชื่อเรียกอื่น ๆ อีกเช่น Continental Roast หรือ Vienna Roast เมล็ดกาแฟที่คั่วในระดับนี้จะมีสีน้ำตาลค่อนข้างเข้ม มีรสชาติขม ปนหวานเล็กน้อย แต่ไม่เปรี้ยว มีกลิ่นฉุนของกาแฟคั่วปนกับกลิ่นหอมของกาแฟแท้ ๆ

    สุด ท้ายคือระดับเข้มมาก หรือ Very Dark Roast ซึ่งยังเรียกกันไปต่าง ๆ อีก เช่น French Roast , Italian Roast หรือ Espresso เมล็ดกาแฟจะมีสีน้ำตาลเข้ม เกือบดำ มีน้ำมันเคลือบอยู่จนมันเป็นเงา รสชาติค่อนข้างขม มีความหวานอยู่บ้างเล็กน้อย ไม่มีความเปรี้ยวหลงเหลืออยู่เลย และมีกลิ่นกาแฟคั่วที่ฉุนกว่าระดับอื่น

    อย่าง ไรก็ดี ไม่มีตัววัดที่แน่ชัดลงไปว่า การคั่วและสีในระดับต่าง ๆ นั้น ระดับใดจะได้รสชาติมาตรฐานที่สุด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมกับชนิดของเมล็ดกาแฟดิบ วิธีการชงแบบต่าง ๆ รวมทั้งความพึงพอใจของผู้ดื่มอีกด้วย

    เสน่ห์กาแฟ

    เอสเพรสโซ (Espresso)

    หัว กาแฟเข้มข้น ที่ได้จากการชงเมล็ดกาแฟผสม แบบเอสเพรสโซ ด้วยเครื่องชงเฉพาะที่มีแรงดันที่เรียกว่า เครื่องเอสเพรสโซ จะได้น้ำกาแฟเพียงแค่แก้วเล็กๆ ออกมา เวลาดื่มเราควรรีบดื่มทันทีขณะที่ชงเสร็จใหม่ๆ เพราะว่ารสชาติที่ดีที่สุดของเอสเพรสโซอยู่ที่ตอนชงเสร็จค่ะ

    อเมริกาโน (Americano)

    อเมริกาโน มีไว้เพื่อตอบสนองท่านที่ชอบทานกาแฟดำ แต่อาจจะหนักไปกับการดื่มแบบเอสเพรสโซ เพราะอเมริกาโน เป็นการนำเอาชอตเอสเพรสโซ ผสมกับน้ำ จะเป็นน้ำร้อนหรือน้ำเย็น ก็แล้วแต่ว่าคุณจะเลือกร้อนหรือกาแฟเย็นในเวลานั้น

    ลาเต้ (Latte)

    ลาเต้ มีไว้สำหรับคนที่ชอบดื่มกาแฟใส่นมนะคะ เพราะหลักการเบื้องต้น คือการนำเอาชอตเอสเพรสโซ ผสมเข้ากับนมร้อน หรือนมเย็น(แล้วแต่ชอบ) รสชาติที่ได้ก็จะเป็นกาแฟที่ใส่นมแล้ว ไม่เข้มข้นมากเหมือนกับเอสเพรสโซ หรืออเมริกาโนค่ะ

    คาปูชิโน (Cappuccino)

    กาแฟคาปูชิโนนี้ จะมีส่วนผสมเช่นเดียวกับกาแฟลาเต้ นั่นก็คือ ชอตเอสเพรสโซ นมร้อน และฟองนม แต่ความแตกต่างจะอยู่ตรงที่กาแฟคาปูชิโน มักจะมีปริมาณของฟองนมที่มากกว่าลาเต้ หรืออีกนัยหนึ่งคือมีปริมาณของนมร้อนที่น้อยกว่านั่นเอง คนที่นิยมฟองนมเยอะๆ จึงไม่ควรพลาดกาแฟคาปูชิโนค่ะ

    ฟองของคาปูชิโน่นั้นได้จากการตีนมร้อน ปัจจุบันมีแก้วตีนม (Milk Whip) หรือใช้เครื่องตีไข่แบบมือถือ หรือเบลนเดอร์แทนก็ได้ เริ่มด้วยการอุ่นนมให้ร้อนจนเกือบเดือด แล้วตีด้วยอุปกรณ์ดังกล่าว ควรลวกโถเบลนเดอร์ หรือตะกร้อตีไข่ด้วยน้ำเดือดก่อนเพื่อรักษาอุณหภูมิ อุณหภูมิของนมที่ใช้ตีมีความสำคัญมาก นมจะต้องร้อนจัดเกือบเดือดแต่ไม่ถึงกับเดือด จึงจะตีขึ้นและ ฟองหนา และหากใช้นมที่มีไขมันสูงก็จะได้ผลดีกว่านมพร่องไขมันค่ะ

    มอคค่า (Mocha)

    สำหรับมอคค่า จะเหมาะกับคนที่ชอบดื่มกาแฟที่มีความหอม หวานมัน ของช็อกโกแลตผสมอยู่ด้วย เพราะ กาแฟแก้วนี้ จะประกอบไปด้วย ชอตเอสเพรสโซ น้ำเชื่อมช็อกโกแลต นมร้อน และมักจะปิดหน้าด้วยวิปครีมนุ่ม ใครยังไม่ได้ทานข้าวกลางวันล่ะก็ ดื่มกาแฟ มอคค่า เข้าไปสักแก้ว รับรองว่าต้องอิ่มแน่ค่ะ

    ที่มา:
    - Thaicoffeelivers
    - Zana's bean coffee
    - OKnation
    - iyahooo@Exteen

    ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกาแฟ
    - TEA&COFFE บทความใน Cocktailthai
    - ข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับธุรกิจกาแฟ จาก สถาบันอาหาร คลิกที่นี่
    - Coffee Recipes สูตรกาแฟทั่วโลก
    - Drinksmixer -- สูตรกาแฟมากมาย





    สรรพคุณของรังนก

    |

    รังนกทำมาจากอะไร

    รังนก ทำมาจากน้ำลายของนกนางแอ่นหรือนกอีแอ่น ซึ่งสำรอกออกมาแล้วจับตัวแข็งมีรูปร่างคล้ายกับรังนก น้ำลายของนกนางแอ่นที่สำรอกออกมาครั้งแรก จะมีสีขาวบริสุทธิ์ ซึ่งเรียกกันว่า รังนกขาว จัดได้ว่าเป็นรังนกที่มีคุณภาพดีที่สุด ส่วนน้ำลายที่นกนางแอ่นสำรอกหลังออกมาจากครั้งแรก จะเว้นสักระยะหนึ่ง ไม่ใช่สำรอกออกมาจนหมดตามที่เข้าใจ นกนางแอ่นสำรอกน้ำลายเพื่อออกมาสร้างรังนกจนกระอักเลือดนั้น ไม่เป็นความจริง รังนกที่เราเห็นเป็นสีแดงนั้น เกิดจากสนิมในถ้ำที่นกทำรังไว้ได้รับความชื้นสูง สนิมจึงแทรกซึมเข้าไปในรัง โดยเฉพาะรังที่นกสร้างขึ้นในช่วงที่สอง และสาม ซึ่งอยู่ในช่วงฤดูฝน ผิดกับรังแรกที่สร้างขึ้นในฤดูหนาว ประมาณเดือนกุมภาพันธ์

    สำหรับในเมืองไทยนั้น เรามีนกนางแอ่นสามชนิดด้วยกัน คือ นกแอ่นกินรัง นกแอ่นกินรังตะโพกขาว และนกแอ่นหางสี่เหลี่ยมหรือนกแอ่นรังดำ นกนางแอ่นสองชนิดแรกนั้น จะให้รังนกสีขาว ส่วนชนิดหลัง จะให้รังสีดำ โดยที่รังจะมีขนนกเป็นส่วนผสมด้วย แต่ทั้งสามชนิดนั้นสามารถใช้รับประทานได้

    สรรพคุณของรังนกนางแอ่น

    1. คนจีนทั้งแผ่นดินใหญ่และฮ่องกง นิยมบริโภครังนกเป็นชีวิตจิตใจ มีการค้นพบว่า ในสมัยราชวงศ์หมิงตอนปลาย ได้ปรากฏว่า มีแพทย์เขียนใบสั่งยา โดยมีรังนกเป็นส่วนผสม โดยเชื่อว่า รังนกสามารถรักษาโรคทางเดินหายใจ ช่วยบำรุงสุขภาพเด็กที่ร่างกายไม่แข็งแรงได้ดี

    2. เครื่องยาจีนสำหรับบำรุงปอด ชื่อ รังนกเก๋ากี้ (เก๋ากี้เอี้ยงออ) มีส่วนผสมของรังนก 5 กรัม เก๋ากี้ 10 กรัม น้ำตาลกรวด 50 กรัม กินทุกเช้าเย็น ครั้งละหนึ่งถ้วย มีสรรพคุณ ช่วยบำรุงปอด ตับ และไต เสริมประสิทธิภาพบำรุงปอดได้ดีมากยิ่งขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่ปอดอ่อนแอ ไอแห้ง หรือหลอดลมอักเสบเรื้อรัง มีอาการร้อนขึ้นในตอนบ่าย ร่างกายอ่อนแอ เหงื่อออกผิดปกติขณะหลับ ผู้ป่วยวัณโรคในระยะพักฟื้น

    3. ศ.ดร. หยุน เฉิน กง แห่งมหาวิทยาลัยฮ่องกง เป็นนักวิจัยที่เกี่ยวกับสมุนไพรจีนและยาที่ทำจากสัตว์ ได้ค้นพบว่า รังนกเป็นโปรตีนที่สามารถละลายน้ำได้ ซึ่งเชื่อกันว่า สามารถส่งเสริมเซลล์ภายในระบบภูมิคุ้มกันโรคได้ และเป็นไปได้ที่จะใช้มันต้านสารเสพติด AZT และสามารถต่อต้านภูมิคุ้มกันบกพร่องในโรคเอดส์ได้ (Eric Valli and Diane Summers, Shadow Hunters (Singapore: Sun tree publishing limited,1990),9.)

    4. นิสา พงศ์ชู นักสัตววิทยาของไทย ได้สรุปผลจากการตรวจสอบสารประกอบที่สกัดได้จากรังนกนางแอ่นพบว่า สารประกอบดังกล่าวมีคุณสมบัติเป็นตัวยับยั้งHaemagglutinationซึ่งเกิดจาก เชื้อไวรัสไข้หวัดไข้หวัดใหญ่ ได้อย่ามีประสิทธิภาพ

    5. การวิเคราะห์คุณภาพรังนกนางแอ่นของ Quate(1952) พบว่า จากรังนก100 กรัม ปรากฎว่ามี โปรตีนร้อยละ 54 คาร์โบรไฮเดรต ร้อยละ 23.3 น้ำร้อยละ16.2 ไขมันร้อยละ 0.3 และอื่นๆ อีกร้อยละ 5.9 ซึ่งรวมถึงฟอสฟอรัส 32 มิลลิกรัม

    6. สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโยลีแห่งประเทศไทย ได้ทำการวิเคราะห์หาส่วนผสมของรังนกนางแอ่น พบว่า ประกอบด้วยโปรตีนร้อยละ 60.90 แคลเซียม ร้อยละ 0.85 น้ำร้อยละ5.11 โพแทสเซี่ยมร้อยละ 0.05 และฟอสฟอรัส ร้อยละ 0.03 ซึ่งสารแต่ละชนิดต่างก็มีคุณค่าทางโภชนาการทั้งสิ้น

    ที่มา : http://www.hong-teh.com

    ลิงก์เพิ่มเติม: บ้านรังนก

    ละคร คมแฝก

    18/8/51 |



    รับชมละครย้อนหลังได้ ที่นี่

    เรื่องย่อ

    การปรากฏตัวของชายหนุ่มนิรนามร่างกายกำยำ นัยน์ตาซื่อ หน้าดุ ณ เมืองพล
    ตำบลใหญ่ใกล้เคียงเมืองขอนแก่น สถานที่ไม่เจริญแต่ไม่เงียบเหงา
    สร้างความแตกตื่นให้กับ จงอาง หนุ่มน้อยในพื้นที่อย่างมาก
    เมื่อเขาบังเอิญพบชายหนุ่มผู้นั้นนั่งร่ำไห้อยู่หน้าหลุมศพ พ่อก้อน
    ผู้เป็นบิดา หลังจากที่เขาคนนั้นหายสาบสูญไปนานนับ 10 ปี!

    จงอางรีบกลับไปเล่าสิ่งที่ตนเห็นให้ พ่อปาน แม่แจ้
    บุพการีผู้เป็นเจ้าของ “ร้านค้าเมืองพลการค้า” ที่เปิดขายเหล้า กาแฟ
    ข้าวแกง รวมทั้งของเบ็ดเตล็ดต่างๆ ฟัง
    แต่ยังไม่ทันที่จงอางจะพูดพร่ำทำเพลง
    ชายหนุ่มผู้นั้นก็ปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางความพิศวงของทุกคน



    เขาเรียกสั่งน้ำหวาน และถามหาแม่ของตน นักเลง โขน และ สิงห์โต
    ลูกค้าในร้านได้ยินแล้วขำกลิ้งเพราะคิดว่าเขาเป็นลูกแหง่พลัดถิ่นมาตามหา
    แม่ ทั้งสองวางกล้ามอวดเบ่งอิทธิพลเต็มที่
    แต่ชายหนุ่มผู้นั้นก็มิได้ตอบโต้
    เขาเพียงแค่ปลีกตัวออกจากร้านไปอย่างเศร้าซึม แท้จริงแล้ว
    ชายนิรนามผู้นี้คือ กัลป์ เกรียงไกร
    อดีตนายสิบตำรวจเอกที่ถูกจำคุกข้อหาฆ่าคนตาย
    บัดนี้เขาได้รับอิสรภาพจึงเดินทางกลับสู่บ้านเกิด
    แต่สิ่งที่เขาต้องพบเจอสร้างความผิดหวังเสียใจแก่เขาอย่างมากเมื่อพบว่าครอบ
    ครัวของเขาแตกกระเซ็นสาย พ่อของเขาถูกยิงตาย แม่ เมีย
    และน้องสาวหายตัวไปอย่างลึกลับ ส่วนบ้านของเขาก็ถูกยึดและแปรเปลี่ยนเป็น
    “โรงปอราชสีห์” ซึ่งเขาถูกคนงานจากโรงปอนั้นขับไล่อย่างไม่ใยดี


    กัลป์หมดอาลัยตายอยากในชีวิต แต่เมื่อเขาได้พูดคุยกับ ตะเภา
    ลูกสาวคนสวยของพ่อปาน
    แม่แจ้ที่ดูเหมือนจะเป็นมิตรแท้คนเดียวของเขาในยามนี้
    ความเศร้าของเขากลับกลายเป็นความแค้นขึ้นมาทันทีเมื่อได้รู้ว่าเรื่องเลว
    ร้ายทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับครอบครัวเขา เกิดจากน้ำมือของ แสน ราชสีห์
    อดีตเพื่อนรักของเขานั่นเอง ดังนั้น
    เมื่อกัลป์ถูกโขนและสิงห์โตลูกน้องของแสนตามราวีอีกครั้งเพราะต้องการรู้ให้
    ได้ว่าเขาเป็นใคร กัลป์จึงใช้ “คมแฝก”
    อาวุธคู่กายเล่นงานทั้งคู่เสียน่วม ก่อนจะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย


    เมื่อแสน ราชสีห์
    เจ้าพ่อแห่งเมืองพลรู้ข่าวบุคคลลึกลับผู้วาดลวดลายคมแฝกเหนือชั้นนี้
    เขารู้ทันทีว่าเพื่อนรักที่เขารอคอยมานานแสนนาน บัดนี้ได้กลับมาแล้ว
    ถึงเวลาที่เขาจะคิดบัญชีความแค้นกับกัลป์เสียที แสนสั่งลูกน้องให้กระจาย
    กำลังออกค้นหาตัวกัลป์ทั่วเมืองพล ไม่ว่าจะเป็นร้านพ่อปาน วัดเก่าเมืองพล
    รวมถึงบ้าน ตะโพน สัปเหร่อแก่ประจำวัดที่ไม่มีใครอยากย่างกรายเข้าไป
    แต่คนของแสนก็ต้องคว้าน้ำเหลว
    ไม่มีผู้ใดหาตัวกัลป์พบ เมื่อจับตัวกัลป์มาแก้แค้นให้สมอยากไม่ได้
    แสนจึงหันไปทรมาน ดอกไม้
    อดีตเมียรักของกัลป์ที่เขาฉุดคร่ามาบำเรอความใคร่แทน
    ดอกไม้จวนเจียนจะถูกแสนยำยีอย่างทารุณ
    แต่แล้วกัลป์ก็ปรากฏตัวขึ้นช่วยเธอไว้ได้ทันโดยที่แสนไม่กล้าใช้อาวุธปืน
    ต่อสู้คมแฝกของกัลป์แม้แต่น้อย แทนที่เขาจะใช้คมแฝกฆ่าแสนให้ตาย
    กัลป์เลือกที่จะใช้กฎหมายลากตัวแสนเข้าตะรางให้จบสิ้นความแค้น
    เขารู้ดีว่าแสนเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการตายของนายทองหลางที่ทำให้เขาต้องติด
    คุก
    ดังนั้นกัลป์จึงบังคับให้แสนเขียนจดหมายสารภาพความจริงทั้งหมดว่าเป็นผู้จัด
    ฉากเรื่องราวทั้งหมด
    แสนได้ทีจึงยั่วว่าจะสารภาพแถมให้ด้วยว่าเป็นผู้ฉุดคร่าดอกไม้ไปข่มขืน
    คำพูดนี้ทำให้กัลป์โกรธจัด แสนอาศัยจังหวะนี้เข้าเล่นงานกัลป์จนเสียหลัก
    เขาถูกแสนทำร้ายได้รับบาดเจ็บแต่ก็สามารถกระโดดหน้าต่างหนีตายไปได้


    แสนสั่งการให้ลูกน้องทั้งหมดพลิกแผ่นดินหาตัวกัลป์
    เหล่าคนงานออกค้นหาตัวกัลป์เกือบทุกตารางนิ้วของที่ดินของแสง
    เว้นไว้เพียงแต่เรือนหลังงามชั้นครึ่งที่เป็นที่อยู่ของ อัญชัญ
    น้องสาวต่างมารดาของเจ้าพ่อเมืองพลที่มีดีกรีเป็นถึงนักเรียนนอกจาก
    ออสเตรเลีย เธอประกอบอาชีพสุจริต
    ไม่เกี่ยวข้องกับการค้าของเถื่อนของแสนแต่ประการใด อัญชัญสะดุ้งตื่นขึ้น
    เมื่อได้ยินเสียงดังโหวกเหวก แต่แล้วเธอก็ต้องตกใจมากขึ้นที่จู่ๆ
    ชายร่างกายบอบช้ำนายหนึ่งปรากฏตัวขึ้นในห้องนอนของเธอ
    เมื่อทั้งสองเห็นหน้ากันถนัด อัญชัญจำได้ทันทีว่าเขาคือกัลป์
    อดีตคนรักเก่าที่หนีเธอไปแต่งงานกับดอกไม้ ความเสียใจ เจ็บแค้น
    และอับอายคุกกรุ่นอยู่ในอกของหญิงสาว
    แต่ถึงกระนั้นเธอก็ยังให้ความช่วยเหลือกัลป์อย่างเพื่อนคนหนึ่ง


    อัญ
    ชัญออกอุบายร้องให้แสนมาจับตัวกัลป์ไป
    เพราะเธอรู้ดีว่าไม่มีทางที่กัลป์จะหนีรอดออก ไปได้ง่ายๆ
    เขาถูกแสนเฆี่ยนด้วยหวายจนเนื้อแตกยับ นางมาลัย กระรอก
    ผู้เป็นแม่และน้องสาวของเขาที่แสนนำมาเลี้ยงดูไว้
    ต่างพากันวิงวอนขอให้แสนไว้ชีวิตกัลป์
    แต่ก็ไม่เป็นผล อัญชัญทนเห็นแสนเล่นงานกัลป์คนที่ไม่มีทางสู้ไม่ไหว
    เธอขอร้องให้พี่ชายนำกัลป์ไปจัดการให้ไกลตา
    แสนจึงนำตัวเขาไปที่โรงปอโดยหมายจะเผาให้เขาตายทั้งเป็นแต่แล้วแผนการอันแสน
    จะเหี้ยมโหดของแสนก็ถูกขัดจังหวะขึ้นโดย ร้อยตำรวจโทเพชร ไพบูลย์ หรือ
    รองเพชร นายตำรวจใหม่ที่เพิ่งย้ายเข้ามาประจำการมาขอพบ
    แสนจำต้องออกไปต้อนรับ
    อัญชัญอาศัยช่วงเวลานี้แอบปล่อยตัวกัลป์ให้หนีรอดไปได้ แสนโกรธจัดเมื่อรู้
    ข่าวนี้ เขาระดมกำลังคนออกตามหาตัวกัลป์อีกครั้ง
    แต่ก็คว้าน้ำเหลวซึ่งแท้จริงแล้วกัลป์ไปหลบซ่อนตัวอยู่ในโลงผีที่บ้านตะโพน
    สัปเหร่อนั่นเอง


    วันเวลาผ่านไป อาการบาดเจ็บของกัลป์ดีขึ้นมากจนเกือบจะหายดี
    ตะเภามาเยี่ยมเยียนเขาที่บ้านตะโพน
    พลางเล่าให้ฟังถึงชายหนุ่มต่างถิ่นที่มีเรื่องกับ ไอ้เข้ม ไอ้ขวาน
    ลูกน้องของแสนว่าเป็นคนจริง ใจกล้า
    กัลป์เกิดความรู้สึกสนใจในตัวบุรุษนิรนามผู้นั้นทันที
    แต่ยังไม่ทันที่เขาจะซักไซร้รายละเอียดชายผู้นั้น
    กัลป์ก็จำต้องให้ตะเภารีบกลับไปเพราะอัญชัญมาเลี้ยงเพลที่วัด
    เขาเกรงว่าลูกน้องของแสนจะเห็นตะเภาและรู้ว่าเขาหลบซ่อนตัวอยู่ที่นี่ แท้
    จริงแล้วชายหนุ่มนิรนามที่ตะเภาพูดถึง ชื่อว่า เพลิง กัมปนาท
    เขาถูกฝากฝังจากอาจารย์ทวีศักดิ์ที่อัญชัญนับถือให้มาทำงานในไร่แสงดาว
    อัญชัญให้เขาทำงานในตำแหน่งหัวหน้าคนงานแทนเข้ม
    เธอให้เขาไปนอนในที่พักเดียวกับคนงานของแสน
    ซึ่งแน่นอนว่านิสัยไม่ได้เลวผิดแผกจากเจ้านายเท่าไรนัก


    เพลิงถูกรับน้องใหม่จากพวกคนงานเหล่านั้นที่รุมเข้ามาอย่างหมาหมู่
    เพลิงสู้สุดใจไม่มีถอย จนแสนลงมาจัดการด้วยตนเอง
    อัญชัญเป็นคนห้ามทัพระหว่างคนทั้งสอง
    แสนเห็นว่าเพลิงเป็นคนกล้าจึงเชิญไปพบเป็นการส่วนตัวที่บ้าน
    ซึ่งเพลิงก็สัญญาว่าจะไปพบเขาโดยไม่ฟังคำทัดทานของอัญชัญแม้แต่น้อย
    เพลิงออกจากไร่แสงดาวไปสงบจิตสงบใจที่ร้านเมืองพลการค้า
    อัญชัญนึกห่วงเพลิงเป็นอย่างมากเพราะรู้ดีว่าพี่ชายตนจะลวงเพลิงไปฆ่า
    ซึ่งระหว่างนี้เองกัลป์ผู้ซึ่งรักษาตัวจนแข็งแรงเป็นปกติแล้วได้ลอบเข้ามาหา
    อัญชัญ เธอตกใจมากคิดว่าเขาจะเขามาย่ำยีทำลายเธอแทนพี่ชาย
    กัลป์ปฏิเสธและสารภาพว่ายังรักอัญชัญอยู่
    ที่เคยทิ้งเธอไปเพราะหน้าที่ขัดกับหัวใจ
    เขาเป็นตำรวจไม่สามารถเป็นพวกเดียวกับคนที่ค้าของเถื่อนขายชาติได้
    อัญชัญฟังแล้วใจละลายเพราะตนเองก็ยังรักเขาอยู่มาก
    กัลป์ขอให้เธอเป็นฝ่ายเดียวกับเขาที่จะผดุงความดี
    เรียกร้องเอาสิทธิความชอบธรรมกลับคืนสู่เมืองพล
    หญิงสาวเริ่มจะคล้อยตาม กัลป์ออกจากไร่อัญชัญตามเพลิงมาที่ร้านเมืองพลการ
    ค้าอย่างเปิดเผย เขาไม่ขอเป็นผู้ถูกตามล่าอีกต่อไป ซึ่งเขาได้พบกับเพลิง
    กัมปนาทที่เมื่อได้เห็นหน้าแล้วรู้สึกถูกคอขึ้นมาอย่างประหลาด
    แต่ยังไม่ทันที่คนทั้งคู่จะคุยกันก็มีรถขายยาโฆษณาฉายหนังกลางแปลงขับเข้ามา
    จอดหน้าร้านเสียก่อน


    คนขับรถผอมเกร็ง
    แต่ทะมัดทะแมงเข้ามาแนะนำตัวกับพ่อปานเจ้าของร้านว่าชื่อ องอาจ
    ชาตินักสู้ เป็นคนเร่ขายยาที่อยากมาฉายหนังที่เมืองพล
    เขาขอยืมเงินพ่อปานและขอเช่าห้องนอนค้างระหว่างที่อยู่ในเมืองพลนี้
    ซึ่งยังไม่ทันที่ทั้งคู่จะตกลงอะไรกัน เสือ ใจสิงห์
    ลูกน้องของแสนที่รู้ข่าวว่ากัลป์อยู่ที่นี่ก็พาพวกมาเล่นงาน
    กัลป์สู้ไม่ถอย
    ซึ่งเพลิงและองอาจกระโดดเข้าร่วมการต่อสู้ครั้งนี้ด้วยเพราะทนเห็นกัลป์ถูก
    รุมเล่นงานไม่ได้ เหตุการณ์ต่อสู้เป็นไปอย่างชุลมุน
    รองเพชรเข้ามาควบคุมสถานการณ์ เขาจับกุมตัวเสือ
    และพรรคพวกไปขังที่โรงพักโทษฐานที่หาเรื่องระรานกัลป์ เพลิง
    และองอาจก่อน ตะเภาที่ลอบดูเหตุการณ์ทั้งหมดชื่นชมในความเก่งกล้าของเพลิง
    สาวน้อยวิงวอนให้เพลิงเป็นผัวตนเพื่อที่จะไม่ต้องเป็นเมียเก็บของแสน
    เพลิงอึ้งไปพักใหญ่แต่ยังไม่ทันที่จะตอบตกลง
    กัลป์ก็เข้ามาขัดจังหวะเสียก่อน
    เขาเข้ามาขอหลบหน้ากระรอกน้องสาวที่กำลังตรงมาที่ร้านนี้ กระรอกมาซื้อยา
    ให้แม่ องอาจประทับใจในตัวกระรอกตั้งแต่แรกพบ
    เขาจัดยาของตนให้กระรอกไปรักษาแม่
    กระรอกส่งข่าวว่าห้องตะเภาที่แสนจะรับไปเป็นเมียตกแต่งใกล้เสร็จแล้ว
    นอกจากนี้
    กระรอกยังแอบเล่าถึงแผนการณ์เลวของแสนที่เธอรู้มาว่าแสนคิดจะขนอาวุธเถื่อน
    มาทางศรีเชียงใหม่ ทางหนองสองห้องเข้ามาทางป่าอุดร
    เพื่อจะครอบครองอีสานให้ได้ภายในปีนี้ ทุกคนฟังแล้วต่างร้อนใจ
    เพราะแสนทำเหมือนผู้อยู่เหนือกฎหมายขึ้นไปทุกวัน
    ชาวบ้านต่างภาวนาให้ผู้กองคนใหม่
    และนายอำเภอที่ทางการจะส่งมาสามารถปราบปรามอิทธิพลมืดของแสนได้


    คืนนั้น องอาจไปฉายหนังกลางแปลงที่หน้าบ้านแสน
    แสนอนุญาตให้คนงานออกไปดูหนังได้โดยเหลือลูกน้องเพียง 2 คน
    ไว้คอยจัดการกับเพลิง
    กัลป์เตือนเพลิงให้ระวังตัวพร้อมให้คมแฝกเป็นอาวุธ เพลิงตัดสินใจเข้าไปพบ
    แสนเมื่อหนังเริ่มฉาย องอาจอาศัยจังหวะนี้ลอบตามเพลิงเข้าไปด้วย
    ทั้งสองหารู้ไม่ว่าเหตุการณ์ทั้งหมดนี้อยู่ในสายตาของรองเพชรตลอด
    เวลา องอาจแอบเข้าไปสำรวจโรงเก็บปอของแสน
    แล้วก็ต้องตกตะลึงเมื่อพบว่าโรงปอนี้แท้จริงแล้วเป็นคลังแสงขนาดย่อม
    มีลังกระสุนปืน ปืนสั้น ปืนยาวมากพอที่จะปล้นได้ทั้งเมือง
    และเมื่อเขาลอบเข้าสู่เรือนหลังใหญ่ ก็ได้พบกับกระรอก
    ทั้งสองจำกันได้เขาขอให้กระรอกไว้ใจเขา เพราะเป็นเพื่อนของกัลป์
    และเขาก็ตกหลุมรักเธอเสียแล้ว แต่ยังไม่ทันที่ทั้งสองจะพูดคุยอะไรกัน
    เสียงสัญญาณเตือนเรื่องการฉายหนังขององอาจดังขึ้นเสียก่อนทำให้เขาต้อง
    รีบกลับไปที่รถขายยาอย่างเร่งด่วน ส่วนเพลิงนั้น
    เขาเข้าไปพบแสนตามที่ตกลงไว้ทั้งๆ ที่รู้ว่าแสนคิดไม่ซื่อ
    เขาชิงเล่นงานลูกน้องของแสนเสียก่อนจะถูกเล่นงาน
    และสามารถหลบหนีออกไปได้อย่างหวุดหวิด ทั้งกัลป์ เพลิง
    และองอาจกลับมารวมตัวกันที่ร้านเมืองพลการค้า
    โดยที่เพลิงได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย
    องอาจเล่าถึงเรื่องพบอาวุธเถื่อนในโรงปอของแสน
    ซึ่งขณะนี้รองเพชรได้พาลูกน้องไปค้นโรงปอของแสนแล้ว


    แสนเต็มใจเปิดโรงปอให้รองเพชรค้นแต่โดยดี
    เพราะเขาไหวตัวทันสั่งลูกน้องขนย้ายอาวุธไปที่โรงปอราชสีห์บ้านเก่าของ
    กัลป์
    ดังนั้นรองเพชรจึงคว้าน้ำเหลวและเมื่อเขากลับไปโรงพักก็ต้องตกตะลึงเมื่อได้
    รู้ว่าพวกลูกน้องแสนที่เป็นคนร้ายแหกคุกไปได้
    และตำรวจทั้งหมดถูกฆ่าตาย รองเพชรโกรธมาก
    เขาตัดสินใจได้ว่าเมื่อกฎหมายใช้กับแสนไม่ได้ผล
    ต่อจากนี้ไปเขาจะใช้วิธีโจรเล่นงานแสนแทน ส่วนกัลป์
    เมื่อได้รู้ข่าวนี้ก็โกรธเป็นไฟ
    เขาต้องการให้บทเรียนกับแสนว่าไม่มีทางชนะตำรวจไปได้
    เขารู้ทันทีว่าแสนขนย้ายอาวุธไปเก็บไว้ที่ใด
    ดังนั้นกัลป์จึงบุกเดี่ยวไปยังโรงปอราชสีห์
    และใช้ระเบิดมือเป็นชนวนระเบิดคลังแสนนั้นเสียเป็นจุล


    รองเพชรมาตรวจที่เกิดเหตุและจะเข้าจับกุมตัวแสน
    แต่เขาก็ต้องผิดหวังเมื่อแสนได้ให้สินบนไอ้ชิด
    ให้เป็นผู้รับผิดเรื่องวางเพลิงและเรื่องอาวุธของกลางทั้งหมด
    ตำรวจจำต้องจับตัวชิดไปด้วยความจนใจ ความพินาศที่เกิดขึ้นกับแสนในครั้งนี้
    ทำให้เขาโกรธมาก แสนเชื่อว่าเป็นฝีมือของกัลป์แน่นอน
    จึงสั่งคนไปปลิดชีวิตกัลป์



    อัญชัญรับรู้แผนการแก้แค้นครั้งนี้ของพี่ชาย เธอจึงรีบไปเตือนกัลป์
    และถ่วงเวลาเขาให้อยู่กับเธอ เมื่อคนรักเก่าใกล้ชิดกัน
    บรรยากาศเป็นใจและหัวใจรักเรียกร้อง
    ทั้งสองจึงตกเป็นของกันและกันอย่างเต็มใจ
    กัลป์สัญญากับหญิงสาวว่าจะปกป้องดูแลเธอไม่ให้แสนทำอะไรอัญชัญได้
    และเขาก็สามารถจัดการกับคนที่แสนส่งมาได้อย่างราบคาบ


    เมื่อแสนทำอะไรกัลป์ไม่ได้
    จึงคิดที่จะย่ำยีทำลายกระรอกน้องสาวสุดที่รักของกัลป์ให้หายแค้น
    ซึ่งอัญชัญก็สามารถช่วยกระรอกให้รอดพ้นเงื้อมมือของแสนไปได้
    เธอบอกความจริงแก่มาลัยและกระรอกว่าเธอเป็นพวกกัลป์และขอร้องให้เก็บเรื่อง
    นี้เป็นความลับ เมื่ออัญชัญสมัครใจเป็นพวกของกัลป์แล้ว
    เธอจึงแอบสืบแผนการชั่วร้ายของแสนแล้วก็ต้องตกใจเมื่อรับรู้ว่าแสนเรียก
    ประชุมลูกน้องให้ปล้น วางเพลิง และไปรับอาวุธจากศรีเชียงใหม่ มาก่อจลาจล
    หวังครอบครองดินแดนอีสาน
    เธอรีบสั่งให้กระรอกไปแจ้งข่าวกับกัลป์และพรรคพวกทันที


    รุ่งเช้า แสนเริ่มปฏิบัติการโจร ข่มขู่
    รีดเก็บภาษีกับชาวบ้านร้านรวงต่างๆ และเผาปั๊มน้ำมัน
    ซึ่งตำรวจที่รู้ล่วงหน้าอยู่แล้วได้ซ้อนแผน
    จัดการเก็บลูกน้องของแสนอย่างไม่ใยดี
    เพราะถือว่าถ้าเจ้าพ่อเมืองพลทำอะไรเหมือนกับว่าเมืองพลไม่มีกฎหมาย
    ไม่มีตำรวจ ฝ่ายตำรวจก็จะทำเป็นว่าไม่ใช่กฎหมาย ไม่ใช่ตำรวจเช่นกัน


    ส่วนฝ่ายกัลป์ เพลิง องอาจ อาสาจัดการกับการขนส่งอาวุธเถื่อน
    ทั้งสามพากำลังไปซุ่มดักโจมตีอยู่ที่ดงชมพูด้วยอาวุธครบมือ
    กัลป์แคลงใจในองอาจเล็กน้อยที่เขามีอาวุธต่อสู้มากมาย เขาคิดว่าองอาจ
    อาจเป็นพวกค้าอาวุธกับแสนแล้วขัดผลประโยชน์กันเองที่จะทรยศเขาภายหลัง
    แต่องอาจยืนยันว่าทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ
    และจะพิสูจน์ให้กัลป์เห็นเอง เมื่อกลุ่มขนย้ายอาวุธเคลื่อนเข้ามา
    ทั้งสองฝ่ายเกิดการปะทะกัน
    การซุ่มโจมตีอย่างรวดเร็วของฝ่ายกัลป์ทำให้ฝ่ายแสนแพ้ไปอย่างราบคาบ
    แสนรับฟังความจริงนี้อย่างปวดใจจากปากสิงห์โตลูกน้องคนเดียวที่รอดมาได้
    เขารู้ทันทีว่าต้องมีคนทรยศหักหลังเป็นไส้ศึกอย่างแน่นอน


    ลูกน้องแสนจับตัว ผาด หนึ่งในพลพรรคของกัลป์มาได้
    ผาดสารภาพสิ้นว่าเพลิง และองอาจมีส่วนร่วมในการกระทำครั้งนี้ด้วย
    แสนจึงสั่งลูกน้องให้จับตัวกระรอกน้องรักกัลป์
    และตะเภาคนรักเพลิงมาทันที แสนคาดคั้นความจริงจากเด็กสาวทั้งสอง
    แต่ไม่มีใครยอมบอกอะไรกับแสนทั้งสิ้น แสนขู่ว่าจะให้คนงานรุมโทรม
    ดอกไม้เข้ามาปกป้องก็ถูกทำร้าย นางมาลัยเข้าช่วยลูกจนตัวตาย
    อัญชัญทนเห็นการกระทำป่าเถื่อนนี้ไม่ไหว
    จึงยอมรับกับแสนว่าตัวเป็นไส้ศึก และที่ทำไปเพราะทนเห็นพี่ขายชาติ
    และทำลายแผ่นดินไทยไม่ได้ แสนเสียใจมากที่ถูกคนที่เขารักที่สุดหักหลัง
    และต้องการแก้แค้นกัลป์ เพลิง และองอาจที่ทำแผนการเขาป่นปี้ จึงจับอัญชัญ
    ตะเภา และกระรอกไปเป็นตัวประกันต่อรอง
    แสนพาทั้งหมดหนีการจับกุมไปอยู่ที่ห้วยน้ำตื้นเขิน ไอ้โดดที่หนีรอดมาได้
    รีบไปรายงานกัลป์เรื่องหญิงสาวทั้งสามที่ถูกจับเป็นตัวประกันและเรื่องที่
    นางมาลัยถูกแสนฆ่าตายอย่างทารุณ กัลป์โกรธจัด เขาบุกเดี่ยวเข้าไปชิงศพแม่
    ทำลายบ้านแสนเสียวอดวาย
    และช่วยดอกไม้ออกมาได้ กัลป์ต้องการจะฆ่าแสนให้หายแค้น
    ทุกคนพยายามขอร้องให้เขาใจเย็นเพราะเกรงว่าแสนจะทำร้ายตะเภา กระรอก
    และอัญชัญ
    แต่กัลป์ยังดื้อดึงเขาจึงถูกต่อยสลบและพาไปขังตะรางเพื่อสงบจิตสงบใจ

    ทุกคนช่วยกันวางแผนชิงตัวคนรักกลับคืน
    แล้วแสนก็ปรากฏตัวขึ้นในคืนนั้นเพื่อจัดการกับกัลป์ เพลิง
    และองอาจให้หายแค้น ตำรวจระดมกำลังมาล้อมแสนไว้
    แต่แสนขู่ถึงตัวประกันทั้งสามว่า ถ้าเขาเป็นอะไรไป
    หรือไม่กลับไปภายในครึ่งชั่วโมง ลูกน้องของเขาจะฆ่าตัวประกันทิ้งเสีย
    จึงไม่มีใครกล้าทำอะไร แสนเล็งปืนไปที่กัลป์หมายสังหาร
    แต่ดอกไม้ถลามาบังกระสุนไว้จึงตายแทนกัลป์
    ทุกคนมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างตกตะลึง พ่อปานทนดูไม่ไหว
    คว้าคมแฝกส่งให้กัลป์เข้าเล่นงานแสนจนปางตาย
    แต่เขาจำต้องปล่อยแสนกลับไปเพื่อช่วยชีวิตตัวประกันไว้ แสนยื่นข้อเสนอให้
    ทั้งสามหนุ่มไปหาเขาที่ห้วยน้ำตื้นเขินตอนรุ่งเช้าเพื่อแลกกับชีวิตหญิงคน
    รักโดยห้ามพกอาวุธหรือคิดตุกติกทั้งสิ้น ซึ่งกัลป์ เพลิง
    และองอาจตกลงใจที่จะทำตามข้อเสนอของแสนทุกอย่าง


    พิธีรดน้ำศพของดอกไม้ถูกจัดขึ้นอย่างสมเกียรติที่ที่ว่าการอำเภอ
    ชาวเมืองพลทุกคนโศกเศร้ากับการจากไปของเธอ รองเพชรประกาศว่าวันนี้นายอำเภอ
    และผู้กองเมืองพลจะให้เกียรติมารดน้ำศพแก่ดอกไม้ด้วย
    ชาวเมืองรอคอยกันอย่างใจจดจ่อ แล้วทุกคนก็ได้รู้ความจริงว่าองอาจ
    ชาตินักสู้คือนายอำเภอของเมืองพล ส่วนเพลิง กัมปนาทคือผู้กองนั่นเอง


    วันรุ่งขึ้น
    ชายหนุ่มทั้งสามเดินทางไปหาแสนที่ห้วยน้ำตื้นเขินตรงเวลานัดหมาย
    แสนบอกแผนการสุดท้ายของตนที่จะทำการยึดบ้านสีดา พุ่งเข้าโคราช ขอนแก่น
    โดยจะมีกลุ่มชนต่างชาติให้การสนับสนุน
    แสนวาดหวังว่าตนจะกลับไปยิ่งใหญ่อีกครั้ง แต่ตอนนี้เขาขาดแคลนเสบียงอาหาร
    ลูกน้องกำลังหิวโหย
    แสนบังคับให้เพลิงเขียนจดหมายลงไปสั่งการรองเพชรให้นำเสบียงพร้อมโลงศพ 3
    โลงขึ้นมา
    โดยใช้หญิงสาวตัวประกันเป็นข้อต่อรองตามเคย เพลิงจำใจเขียนจดหมายสั่งการลง
    ไป ระหว่างรอเสบียง
    แสนให้ชายหนุ่มทั้งสามฆ่าเวลาโดยการขุดหลุมเพื่อฝังศพตัวเอง
    ซึ่งทั้งสามคนก็ตั้งใจขุดกันอย่างขยันขันแข็งท่ามกลางความโศกเศร้าของหญิง
    สาวทั้งสาม

    เวลาผ่านไป เกวียนลากสิ่งของที่แสนต้องการก็มาถึง
    โดยมีตะโพนสัปเหร่อนั่งคุมโลงศพมาด้วย
    และด้วยความเร็วที่นายแสนก็ตั้งตัวไม่ติด
    ปลัดปราบปรามดีดตัวลอยออกมาจากโลงศพอย่างรวดเร็ว
    เขาส่งระเบิดมือให้องอาจเป็นอาวุธ
    ชายหนุ่มทั้งสามยึดหลุมที่ขุดไว้เป็นเกราะป้องกันตัว
    ฝ่ายแสนและตำรวจต่อสู้กันพักใหญ่ และในที่สุดแสนก็พ่ายแพ้หนีไป
    โดยมีกัลป์ที่ถือคมแฝกคู่ใจตามติดประชิดไป


    อัญชัญ ตะเภา กระรอกได้รับการช่วยเหลือเป็นอิสระ
    เพลิงสั่งการให้รองเพชรเคลียร์พื้นที่รวมทั้งติดต่อหน่วยปราบปรามพิเศษเพื่อ
    สกัดกั้นแผนการชั่วร้ายที่แสนบอก
    ก่อนจะตามไปช่วยเหลือกัลป์ กัลป์ตามติดไปเล่นงานแสนที่หนีกระเซอะกระเซิงไป
    ที่คลังแสงเถื่อนท้ายไร่อัญชัญ ทั้งสองต่อสู้กันอย่างดุเดือด
    ข้าวของแตกหัก ถุงดินปืนหกเกลื่อนกลาด
    แต่ในที่สุดกัลป์ก็พลาดท่าเสียทีถูกแสนเล่นงานปางตาย แสนจุดบุหรี่สูบ
    มองผลงานของตัวเองที่สามารถจัดการกัลป์อย่างสบายใจ
    แต่แล้วองอาจก็พากำลังที่เหลือตามมาช่วยกัลป์
    เขาขู่จะระเบิดคลังแสงนี้ถ้าแสนไม่ยอมปล่อยกัลป์ แสนหงุดหงิด
    จับกัลป์ยัดใส่ถังน้ำมันกลิ้งออกไป
    พลางจุดไดนาไมต์จะเขวี้ยงตามออกไปหมายจัดการคนกลุ่มนี้ให้สิ้นซาก
    แต่ด้วยความลืมตัว แสนเผลอขว้างบุหรี่มวนนั้นลงดิน สะเก็ดบุหรี่
    และเปลวไฟแตกกระจาย
    ดินปืนทั้งหมดลุกพรึ่บในพริบตาเดียว แสนผงะด้วยความตกใจสุดขีด
    และก่อนที่เขาจะขว้างไดนาไมต์ออกไป
    ระเบิดแรงสูงที่อยู่ในลังใกล้ตัวเขาก็กัมปนาทขึ้น วินาทีนั้น
    วิญญาณของแสนปลิดปลิวไปสู่ยมโลกทันที


    เมื่ออิทธิพลมืดหมดไป เมืองพลกลับเข้าสู่ความผาสุขดังเดิมอีกครั้ง
    ผู้คนอยู่กันอย่างร่มเย็นเป็นสุข เพลิง กัมปนาท
    กลายเป็นผู้กองยอดรักของตะเภา กระรอกมีความสุขกับนายอำเภอหนุ่มองอาจ
    ชาตินักสู้ ส่วนกัลป์ เกรียงไกร หลังจากรักษาตัวจนหายดีแล้ว
    กรมตำรวจพิจารณาปูนบำเหน็จความดีความชอบให้เขากลับเข้ารับราชการใหม่อีก
    ครั้ง เขาได้เลื่อนยศเป็นถึงผู้บังคับหมวดเมืองพล
    และแน่นอนว่าความรักของเขากับอัญชัญเจริญงอกงามอยู่ในใจของทั้งสอง
    เขาและเธอสัญญาว่าจะไม่มีวันพรากจากกันอีกจนกว่าโลกจะยุบ
    ดาวจะดับ…คู่รักทั้งสามของเมืองพลครองรักกันอย่างมีความสุขสืบไป

    ที่มา: http://gmmblog.gmember.com/

    ละคร แกะรอยรัก

    |



    ชมละครย้อนหลังได้ ที่นี่

    เพลงความรักอยู่ไหน - บอย พิษณุ



    เรื่องย่อ


    ณ ตำหนักเปลี่ยนฟ้า
    ที่มีชื่อเสียงโด่งดังเรื่องของการทำนายทายทักอนาคตว่าแม่นราวกับตาเห็น
    มีอันต้องแตกตื่นเมื่อ ไดอาน่า หรือ แอนนี่ ศิลปินนักร้องชื่อดัง ได้พา
    ทรงรบ ผู้บริหารฮาร์ทซอง กับ
    ทรงต้นอดีตนักร้องชื่อดังระดับซุปเปอร์สตาร์พี่ชายของทรงรบมาฟังคำทำนาย

    เนื่องจากเธอฝันร้าย คนของตำหนักเปลี่ยนฟ้า อันประกอบด้วย
    ปู่ปึก พฤกษ์ หมอดูไพ่ ยายแผ่น ร่างทรงของเจ้าแม่ทับทิม รวมทั้ง
    เปลี่ยนฟ้า
    ลูกชายของพฤกษ์ที่สามารถมองเห็นอนาคตต่างทำนายไปในทิศทางเดียวกันว่า
    แอนนี่จะประสบเคราะห์กรรมจนถึงชีวิต ขอให้รีบทำบุญโดยด่วน



    เมื่อรู้เรื่อง ชมเดือน
    ตกใจเป็นอย่างมากเพราะชมเดือนเป็นแฟนพันธ์แท้ของแอนนี่
    เพียงแต่ชมเดือนไม่มีอำนาจพิเศษในการหยั่งรู้ฟ้าดิน
    ทำนายทายทักอนาคตเหมือนทุกคนที่ตำหนัก

    ชมเดือนจึงพยายามถามเปลี่ยนฟ้าน้องชายถึงวิธีที่จะช่วยอะไรแอนนี่..
    แต่เปลี่ยนฟ้าบอกว่าทุกอย่างเป็นเรื่องของพรหมลิขิตที่กำหนดไว้แล้ว
    อะไรจะเกิดก็คงต้องเกิด ชมเดือนเป็นห่วงแอนนี่มาก

    แต่เมื่อ เพลินพิศ แม่ของแอนนี่ รวมทั้ง ภาษิต
    สามีใหม่ของเพลินพิศรู้เรื่องกลับหาว่าแอนนี่เหลวไหล
    แอนนี่ได้แต่เก็บความกลัดกลุ้มเอาไว้
    เพราะเธอสังหรณ์ใจว่าสิ่งที่ตำหนักเปลี่ยนฟ้าทำนายจะเป็นเรื่องจริง

    โดยไม่มีใครคาดคิด
    อีกหนึ่งอาทิตย์ต่อมามีเหตุให้แอนนี่ตกจากดาดฟ้าบ.ฮาร์ทซองตาย
    ตามคำทำนายจริงๆ ตำรวจชันสูตรศพและสรุปว่าเป็นอุบัติเหตุ
    เพลินพิศไม่เชื่อเพราะปักใจไปแล้วว่า ต้องเป็นการฆาตกรรม
    เพลินพิศพุ่งเป้าไปที่สองพี่น้องผู้บริหารค่ายเพลงฮาร์ทซอง
    เพราะทรงรบกับทรงต้นมีเรื่องพัวพันอยู่กับแอนนี่ นั่นคือทรงรบแอบรักแอนนี่
    แต่แอนนี่เกิดรักทรงต้น เมื่อปัญหารักสามเส้าตกลงกันไม่ได้
    จึงลงเอยด้วยโศกนาฏกรรม


    สารวัตรมนัส ตำรวจเจ้าของคดีนำทรงรบกับทรงต้นมาสอบปากคำ
    แต่ไม่พบพิรุธ สองพี่น้องให้การตรงกันว่าขณะเกิดเหตุทั้งคู่อยู่ด้วยกัน
    เพลินพิศไม่เชื่อยังปักใจว่าการตายของแอนนี่คือการฆาตกรรม
    เธอต้องการให้ทรงรบกับทรงต้นชดใช้ในสิ่งที่เกิดขึ้น

    แม้ เจนนีเฟอร์ หรือจิลลี่
    ซึ่งเป็นลูกสาวคนสุดท้องและเป็นน้องสาวของแอนนี่
    จะบอกให้เพลินพิศยุติเรื่องของแอนนี่
    เนื่องจากจิลลี่กลัวว่าทรงรบกับทรงต้นจะไม่ปั้นเธอเป็นนักร้องเหมือนอย่าง
    ที่ใจฝัน เพลินพิศก็ไม่เชื่อ
    เพลินพิศบอกว่าจิลลี่โง่ที่ไปแอบรักทรงต้นเหมือนแอนนี่


    อ่าน เรื่องย่อละคร แกะรอยรัก แบบเต็มๆ พร้อมภาพประกอบ ได้ที่ click




    ชมเรื่องย้อนหลังได้ ที่นี่

    เรื่องย่อ

    โปดก (ทฤษฎี สหวงษ์) ต้องรีบเดินทางกลับมาดูใจถมปัด
    (แม่ของปะวะหล่ำ) เป็นครั้งสุดท้าย เพราะถมปัดถูกลอบยิง อาการโคม่า
    ถมปัดสั่งเสียก่อนสิ้นลมด้วยความเป็นห่วง ปะวะหล่ำ (จิตตาภา แจ่มปฐม)
    ให้โปดกช่วยแต่งงานกับปะวะหล่ำลูกสาวคนเดียวของเธอ
    เพราะถมปัดรู้ดีว่านี่คือทางเดียวที่จะช่วยให้
    ปะวะหล่ำรอดพ้นปากเหยี่ยวปากกาโดยเฉพาะ ศพล (ธนากร โปษยานนท์)
    ซึ่งเป็นพ่อแท้ๆของเธอเอง ศพลต้องการฮุบที่ดินสวนส้ม
    จำนวนมหาศาลโดยอาศัยความเป็นพ่อ
    และเบื้องหลังความตายของถมปัดก็คือศพลนั่นเอง จ้างมือปืนมาเก็บถมปัด ฐาปนา
    (ตาของปะวะหล่ำ)
    พยายามขัดขวางการแต่งงานของโปดกกับปะวะหล่ำเพราะคิดว่าโปดกต้องการที่จะมา
    ครอบครองสมบัติทั้งหมด

    วันเวลาผ่านไป
    ความเปลี่ยนแปลงเริ่มเข้ามาเยือนปะวะหล่ำเติบโตและมีความเป็นเป็นผู้ใหญ่มาก
    ขึ้น แต่ในเรื่องของความรักเธอยังเด็กเสมอในสายตาของโปดก
    ส่วนศพลก็ยังไม่เลิกล้มความต้องการครอบครองสวนส้ม
    ศพลยุคนงานแย่งคนงานในสวนส้มของปะวะหล่ำ ทำให้เกอดปัญหาต่างๆมากมาย
    โปดกและ ทัน(นภัสกร
    มิตรเอม)ร่วมแรงร่วมใจกันจนทำให้พนักงานทั้งหมดยอมกลับมาทำงานเหมือนเดิม
    ทำให้ชนะใจของปะวะหล่ำ
    โปดกเปิดบริษัทในเชียงใหม่และศศิรดาก้เข้ามาในชีวิตของเขา
    ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว
    ปะวะหล่ำไม่พอใจโปดกแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้
    เธอเฝ้าบอกตัวเองว่านี่คือความสุขของโปดกและอีกไม่นานเข้าและเธอก็ต้องแยก
    ทางกันอยู่ดี เธอพยายามหลอกตัวเองว่า เธอมีคนรักและเข้าใจเธอแล้วนั่นคือ
    วิภาค(ณัฐรัฐ โมริส เลอกรอง)

    ่ โปดกจ้างสถาปนิกออกแบบรีสอร์ทในสวนส้ม
    รวมทั้งบ้านหลังใหญ่ปะวะหล่ำคิดว่าโปดกกำลังสร้างเรื่อนหอของเขากับศศิรดา
    โดยที่เธอไม่รู้เลยว่าโปดกส้รางเรื่อนหอนี้เพื่อเธอและวิภาค
    วัที่ปะวะหล่ำจบการศึกษาและรับปริญญาก็คือวันที่วิภาคขอเธอปะวะหล่ำแต่งงาน
    และวันที่ปะวะหล่ำอายุครบ 20
    ปีก็มาถึงเธอได้หมั้นกับวิภาคอย่างถูกต้องตามประเพณี
    และด้วยแหวนเพชรที่ปะวะหล่ำช่วยเลือกให้โปดกก็หมั่นกับศศิรดา
    โปดกบอกความจริงกับวิภาค เรื่องสถานภาพ ของเขากับปะวะหล่ำ
    ว่าไม่ได้มีอะไรเกินเลยไปกว่าสภานภาพทางกฏหมาย
    แต่วิภาคและครอบครัวของเขารับไม่ได้
    ปะวะหล่ำเสียใจมากและโยนความผิดทั้งหมดไปที่โปดก ทั้งคู่จึงหย่าขาดจากกัน
    ปะวะหล่ำพบจดหมายระบายความในใจของโปดก
    เอกสารมอบที่ดินทั้งหมดของครอบครัวโปดกให้แก่ปะวะหล่ำรวมถึงเรือนหอที่สร้าง
    เพื่อเป็นของขวัญของปะวะหล่ำกับวิภาค
    แต่ทุกอย่างสายเกินไปแล้วโปดกไปจากชีวิตเธอแล้ว เธอทำงานในสวนส้ม
    อย่างหนักเพื่อ ที่จะได้ลืมโปดก รีสอร์ทเล็กๆกำลังจะเปิดตัว
    เธอวุ่นวายกับงานมากเธอบังเอินได้พบกับศศิรดาอย่างคาดไม่ถึง
    จึงทำให้เธอได้รู้ว่าโปดกกับศศิรดาไม่ได้หมั้นหมายกัน อย่างที่เธอเข้าใจ
    เค้าทั้งสองคนเป็นได้แค่เพื่อนกัน เพราะหัวใจของโปดกมีเพียงปะวะหล่ำคนเดียว

    รีสอร์ทเปิดกิจการและมีลูกค้ามาใช้บริการมากมายจนเต็ม
    ทันเข้ามาบอกปะวะหล่ำว่ามีลูกค้าต้องการเช่าเรือนหอ แต่ปะวะหล่ำไม่อนุญาติ
    แต่ทันบอกว่าไม่ทันแล้ว ลูกค้าเช็คอินแล้ว ปะวะหล่ำไปขอห้องคืนจากลูกค้า
    เพราะเธอหวงเรื่อนหลังนั้นมาก
    ปะวะหล่ำจะขอคืนเรื่อนหลังนั้นจากลูกค้าได้อย่างไร ในเมื่อ
    เขาคือผู้ชายที่เธอคิดว่าหายไปจากชีวิตของเธอแล้ว
    โปดกสารภาพว่าตลอดเวลาสี่ปีที่เขาต้องทนแบกรับภาระปะวะหล่ำนั้น
    เขาเหมือนตกอยู่ในอเวจี
    แต่เขาก็ยินดีเพราะถึงมันจะเป็นอเวจีแต่มันก็เป็นอเวจีสีชมพูสำหรับเขา
    ปะวะหล่ำจะตัดสินใจอย่างไรนั้น ต้องคอยติดตามในอเวจีสีชมพู

    ที่มา: http://www.zubzip.com/