แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Good Article-China แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Good Article-China แสดงบทความทั้งหมด

ปีนักษัตรนั้นก็มีความสัมพันธ์กับไม้แต่ละชนิด ซึ่งตาม ตำราทางโหราศาสตร์โบราณได้บันทึกไว้ว่าผู้ที่เกิด ในปีใด ๆ นั้นจะมีมิ่งขวัญสถิตอยู่ที่ไม้แต่ละพันธ์ซึ่งแตกต่างกันไป และถ้าได้ปลูกไม้ที่เป็นมงคลประจำปีเกิดไว้ในอาณาเขต บ้านก็จะเสริมส่งให้มีโชควาสนายิ่งขึ้น

เกิดปีชวด
มิ่งขวัญอยู่ที่ต้นกล้วยและต้นมะพร้าว
เกิดปีฉลู
มิ่งขวัญอยู่ที่ต้นตาล
เกิดปีขาล
มิ่งขวัญอยู่ที่ต้นขนุนและต้นรัง
เกิดปีเถาะ
มิ่งขวัญอยู่ที่ต้นมะพร้าวและต้นงิ้ว
เกิดปีมะโรง
มิ่งขวัญอยู่ที่ต้นต้นไผ่ ต้นกัลปพฤกษ์ และต้นงิ้ว
เกิดปีมะเส็ง
มิ่งขวัญอยู่ที่ต้นไผ่และต้นรัง
เกิดปีมะเมีย
มิ่งขวัญอยู่ที่ต้นต้นกล้วยและต้นตะเคียน
เกิดปีมะแม
มิ่งขวัญอยู่ที่ต้นไผ่ ต้นปาริชาติ และต้นทองหลาง
เกิดปีวอก
มิ่งขวัญอยู่ที่ต้นไผ่ ต้นยาง และต้นฝ้าย
เกิดปีระกา
มิ่งขวัญอยู่ที่ต้นไผ่ ต้นยาง และต้นฝ้าย
เกิดปีจอ
มิ่งขวัญอยู่ที่ต้นบัวบก และต้นสำโรง
เกิดปีกุน
มิ่งขวัญอยู่ที่กอบัวหลวง และต้นบัวบก

วันและเวลาอันเป็นมงคลในการปลูกไม้ดอกและไม้ประดับ

วันอาทิตย์ (เวลาเย็น)
ควรปลูกไม้ชนิดที่เอาหัว
วันจันทร์ (เวลาสาย)
ควรปลูกไม้ชนิดที่เอาลำต้น
วันอังคาร (เวลาบ่ายแก่)
ควรปลูกไม้ชนิดที่เอาใบ
วันพุธ (เวลาเย็น)
ควรปลูกไม้ชนิดที่เอาดอก
วันพฤหัสบดี (เวลาสาย)
ควรปลูกไม้ชนิดที่เอารวงเอาฝัก
วันศุกร์ (เวลาเช้า)
ควรปลูกไม้ชนิดที่เอาผล
วันเสาร์ (เวลาเย็น)
ควรปลูกไม้ชนิดที่เอาราก ( ถ้าเอาลูกให้ปลูกเช้า เอาใบให้ปลูกสาย)

ปี่เซี๊ยะ คือ เทพลก กวางสวรรค์มี 1 เขา มีปากไม่มีทวาร เชื่อกันว่าทรัพย์มีแต่เข้าไม่มีออก ร้านค้าหรือธนาคารนิยมมีไว้ บูชาเพื่อเก็บกักเงินทองไม่ให้รั่วไหล ขจัดสิ่งอัปมงคล ชาวจีนแผ่นดินใหญ่ และในฮ่องกงไต้หวัน และชาวไทยเชื้อสายจีน ต่างนิยมนำมาบูชา เพราะเชื่อว่าตามหลักฮวงจุ้ย ว่าเทพเซียนปี่เซี๊ยะจะลงมาคุ้มครองและให้โชคลาภนับแต่นี้ไปอีก 20 ปี

ฮวงจุ้ยเชื่อว่ายุค 8 คือ ธาตุดินนักกษัตรประจำธาตุดินคือสุนัข ถ้าเป็นสัตว์มงคล คือ ปี่เซี๊ยะ ยุค 8 มีความหมายยาวถึง 20 ปี เริ่มตั้งแต่ 2547 จนถึง 2566 ความหมายคือ ปี่ ดินหิน แร่ ธาตุ สิ่งที่อยู่บนเนินภูเขาสูง จะเจริญใน 20 ปีนี้

ฮวงจุ้ยมีนักษัตรมากมายเอาไว้แก้หรือเสริมธาตุที่ขาดหายไป เช่น ปีชวด ธาตุน้ำ หรือปีมะเมีย ธาตุไฟ บุคคลที่ต้องการธาตุไฟเสริมก็นำม้ามาตั้งได้ ส่วนปี่เซี๊ยะนั้นเป็นสัตว์มงคลที่เสริมได้ทุกปีนักษัตรไม่มีชง ดั่งเราตั้งกิเลนเสริมนั่นเอง

ปี่เซี๊ยะมีแต่ให้การคุ้มครองขจัดสิ่งอัปมงคลให้ออกไปและรับแต่สิ่งดี ๆ เข้ามานี่แหละคือเหตุผลที่ ทำไมเมื่อก่อนไม่มีใครบูชาปี่เซี๊ยะ เพราะยังไม่ถึงยุคแต่มาบัดนี้ถึงยุค 8 เข้ามาคนจีนเชื่อว่า สัตว์มงคลปี่เซี๊ยะจะนำโชคลาภของยุค 8 มาให้ตนและครอบครัว พร้อมกิจการค้าขายเจริญรุ่งเรือง จึงเสาะแสวงหาตัวปี่เซี๊ยะมาบูชาไม่ว่าจะเป็นตัวเล็กหรือตัวใหญ่ ขอให้มีไว้ถือว่าโชคดีตัวปี่เซี๊ยะที่ทำจากทองเหลืองหรือเรซิ่นพลาสติกจะไม่ค่อยมีคนนิยมเพราะไม่ได้ทำจาก ดิน หิน เพราะขาดพลังไม่เหมือนกับ หยก หิน หรือ ดิน ซึ่งเกิดพลังจาดตัวมันเองเหมือนเราเห็นเป็นประจำอย่างสิงโตหน้าศาลเจ้ามักแกะจากหินก้อนโตๆ มีน้ำหนักทำให้พลังล้นเหลือและข้อสำคัญสัตว์มงคลควรมีการปลุกเสกเสียก่อนจึงจะเพิ่มพลังให้ได้มากถ้าไม่ปลุกเสกก็อาจเหมือนประติมากรรมธรรมดาเท่านั้นเอง

ปี่เซี๊ยะเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ คำว่า ปี่เซี๊ยะเป็นสำเนียงจีนกลาง ถ้าจีนแต้จิ๋วเรียกว่า “ผี่ชิว” กวางตุ้งเรียก เพเย้า

แต่เดิม ปี่เซี๊ยะเป็นสัตว์มงคลที่มีอานุภาพในทางกำจัดปีศาจ และสิ่งชั่วร้ายรวมทั้งปกป้องจากคุณไสย และมนต์ดำต่าง ๆ กล่าวคือคำว่าปี่ หรือ ผี่ นั้น แปลว่า ปิด เร้นลับหลบซ่อน คำว่า ปี่เซี๊ยะ หรือ ชิว คือ อาถรรพณ์ สิ่งไม่ดี คุณไสย ภูติปีศาจ คำว่าปี่เซี๊ยะ หรือ ผี่ชิว จึงแปลได้ว่า ขจัดอาถรรพณ์ คนจีนสมัยก่อนจึงมักเขียนภาพ หรือตั้งปติมากรรม รูปปี่เซี๊ยะไว้ตามประตูบ้าน และสุสานทั่วไป บางทีก็ประดับไว้บนหลังคาพระราชวังต่าง ๆ เพื่อให้มันช่วยขจัดสิ่งอัปมงคลทั้งหลายนั้นเอง ว่ากันว่าพลังในการกำราบสิ่งชั่วร้ายของปี่เซี๊ยะสุดยอด

ยุคปัจจุบันปี่เซี๊ยจึงถือกันว่าเป็นสัตว์มงคลเรียกทรัพย์ นำโชคลาภมาให้

“ปี่เซี๊ยะ” สัตว์เทพสวรรค์บันดาลโชคและถือเป็นสัตว์มงคลยอดนิยมที่ผู้คนนิยมหามาบูชาประดับบ้านมากที่สุดในทศวรรษนี้ เพราะเชื่อกันว่ามีดีครบถ้วนตามหลักเบญจธาตุและตามหลักฮวงจุ้ยจีนคือ ทอง–น้ำ–ไม้–ดิน–ไฟ เนื่องจากลักษณะของปี่เซี๊ยะก็คือการนำเอาลักษณะของ สัตว์มงคล 5 ชนิด มารวมกันครบ 5 ธาตุดังนี้
มีลักษณะสี่เท้าของสิงโตอันทรงพลัง (ทอง)
มีเขาและลำตัวเป็นกวางที่อ่อนช้อย (น้ำ)
มีปีกของพญานกอันแข็งแกร่ง (ไฟ)
มีศีรษะของมังกรอันทรงพลัง (ไม้)
มีหางแมวอันศักดิ์สิทธิ์กวักโชคลาภเงินทอง (ดิน)
ประการสุดท้าย “ไม่มีรูทวาร” ความหมายก็คือ “กินแล้วไม่ถ่ายออกจึงเท่ากับมีแต่รับลูกเดียว”

ลักษณะโดดเด่น 8 ประการ - 1. อ้าปากดูดทรัพย์ 2. ขาก้าวหน้า 3. หางยาวกวักโชคลาภ 4. ลิ้นยาวตวัดเงินทอง 5. ยกหัวข่มคู่แข่ง 6. อกพึ่งพาย น่าเกรงขาม 7. เท้าตะปบเงิน 8. ไม่มีรูทวาร เงินทองไม่รั่วไหล

ที่มา : http://www.sriganapati.com/

เส้นสายบนชายคากับลูกมังกรทั้งเก้า

พวกเขาปรากฏอยู่ทั่วไปในงานศิลปะตกแต่งที่แฝงกลิ่นอายโบราณของจีน ทั้งที่มีเพียงคำเล่าขานในหมู่ชนว่า “ลูกมังกรทั้งเก้า ไม่เป็นมังกร แต่ต่างมีดีที่ตน”

หากได้ไปชมสถาปัตยกรรมโบราณของจีน ตามวัดวาอาราม พระราชวัง ตำหนัก หอ ศาลา ฯลฯ เราจะได้พบเห็นงานศิลปะตกแต่งที่งดงามประหลาด ซุกซ่อนอยู่ตามสถานที่ต่างๆ อาทิ ขอบมุมอาคาร บานประตู สะพาน ระฆัง ฯลฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พระราชวังต้องห้ามที่นครปักกิ่ง อันเป็นสถานที่สถิตสถาพรของโอรสแห่งสวรรค์ หากแหงนคอเงยหน้าขึ้น ก็จะพบว่าบริเวณสันหลังคาของสถาปัตยกรรมโบราณเหล่านี้ เรียงรายด้วยรูปสัตว์ที่ทำขึ้นจากกระเบื้องสีเขียวบ้าง เหลืองบ้างในลักษณะที่แตกต่างกันไป

รูปปั้นและลวดลายเหล่านี้ ส่วนหนึ่งเป็นรูปลักษณ์ของลูกมังกรทั้งเก้าจากตำนานเทพเจ้ายุคโบราณของจีน และต่างก็มีพัฒนาการไปตามกาลเวลาเช่นเดียวกับลวดลายมังกร จากบันทึกสมัยราชวงศ์หมิงหลายฉบับได้กล่าวถึงลักษณะพิเศษเฉพาะของลูกมังกรแตกต่างกันไป ซึ่งในส่วนที่เห็นพ้องกันโดยมาก ได้แก่

1. ปี้ซี่ (赑屃)มีรูปเป็นเต่า แต่ปี้ซี่จะมีฟัน ซึ่งแตกต่างจากรูปเต่าโดยทั่วไป มีพละกำลังมหาศาล โดยมากเป็นฐานของแผ่นศิลาจารึก สามารถพบเห็นได้ตามวัดวาอารามต่างๆ กล่าวกันว่าหากได้สัมผัสจะนำพาโชคลาภมาให้
2. ปี้อ้าน (狴犴)หรือเซี่ยนจาง รูปเป็นพยัคฆ์ น่าเกรงขาม มักเกี่ยวข้องกับคดีความ โดยมากจึงสลักรูปสัญลักษณ์นี้ไว้บนประตูเรือนจำ เสือเป็นสัตว์ที่ทรงอำนาจ ดังนั้นปี้อ้านจึงมีส่วนในการข่มขวัญเหล่านักโทษในเรือนจำให้มีความเคารพต่อสถานที่
3. เทาเที่ย (饕餮)รูปคล้ายหมาป่า มีนิสัยตะกละตะกลาม ดังนั้น ในสมัยโบราณผู้คนจึงนำมาประดับไว้บนภาชนะที่บรรจุของเซ่นไหว้ และเนื่องจากเทาเที่ยเป็นสัตว์ที่มีนิสัยดุร้ายและตะกละ ดังนั้น จึงมีคำเปรียบเปรยถึงบุคคลที่เห็นแก่กินและละโมบโลภมาก ว่าเป็นพวกลูกสมุนของเทาเที่ย นอกจากนี้ เนื่องจากเทาเที่ยดื่มกินได้ในปริมาณมาก จึงพบว่ามีการนำเทาเที่ยมาประดับที่ด้านข้างของสะพานเพื่อป้องกันเหตุน้ำท่วม
4. ผูเหลา (蒲牢)มีรูปคล้ายมังกรตัวน้อย ชอบร้องเสียงดัง กล่าวกันว่า ผูเหลาอาศัยอยู่ริมฝั่งทะเล และเกรงกลัวปลาวาฬเป็นที่สุด ทุกครั้งที่ถูกปลาวาฬเข้าทำร้าย ผูเหลาจะส่งเสียงร้องไม่หยุด ดังนั้น ผู้คนจึงนำผูเหลามาประดับไว้บนระฆัง จากนั้นสลักไม้ตีระฆังเป็นรูปของปลาวาฬ เมื่อนำไปตีระฆัง จะได้เสียงที่สดใสดังกังวาน
5. ฉิวหนิว (囚牛)มีรูปเป็นมังกรสีเหลืองตัวน้อยที่มีเขาของกิเลน ชอบดนตรี ผู้คนจึงมักสลักรูปของฉิวหนิวไว้ที่ด้ามซอ
6. เจียวถู(椒图)มีรูปคล้ายลวดลายก้นหอย มักจะปิดปากเป็นนิจสิน เนื่องจากธรรมชาติของหอยนั้น เมื่อถูกรุกรานจากศัตรูภายนอก ก็จะปิดเปลือกสนิทแน่น ผู้คนจึงมักจะวาดหรือสลักลวดลายของเจียวถูไว้ที่บานประตู เพื่อแทนความหมายถึงความปลอดภัย
7. ชือเหวิ่น(鸱吻)หรือชือเหว่ย เฮ่าว่าง เป็นต้น มีรูปคล้ายมังกรแต่ไม่มีสันหลัง ปากอ้ากว้าง ชอบการผจญภัย และยังชอบกลืนไฟ กล่าวกันว่า ชือเหวิ่นอาศัยอยู่ในทะเล มีหางคล้ายเหยี่ยวนกกระจอก สามารถพ่นน้ำดับไฟได้ เชื่อว่าป้องกันสิ่งชั่วร้ายและอัคคีภัยได้ ดังนั้น หากพบมังกรที่มีหางขดม้วนเข้าประดับอยู่บนสันหลังคา นั่นก็คือ ชือเหวิ่น
8. ซวนหนี (狻猊)แต่เดิมซวนหนีเป็นคำเรียกหนึ่งของสิงโต ดังนั้น ซวนหนีจึงมีรูปเป็นราชสีห์ ชอบเพลิงไฟ และชอบนั่ง เนื่องจากสิงโตมีรูปลักษณ์เป็นที่น่าเกรงขาม ทั้งได้รับการเผยแพร่เข้ามาในจีนพร้อมกับพุทธศาสนา โดยมีคำกล่าวเปรียบพระพุทธเจ้าเป็นดั่งราชสีห์ ดังนั้น ผู้คนจึงนำลวดลายของซวนหนีมาประดับที่แท่นอาสนะของพระพุทธรูป และบนกระถางธูป เพื่อให้ซวนหนีได้กลิ่นควันไฟที่โปรดปราน
9. หยาจื้อ (睚眦)มีรูปคล้ายหมาไน ชอบกลิ่นอายการสังหาร คำว่า หยาจื้อ เดิมมีความหมายว่าถลึงตามองด้วยความโกรธ ต่อมาแฝงนัยของการแก้แค้น ซึ่งก็ย่อมไม่อาจหลีกเลี่ยงจากการเข่นฆ่า จึงมักจะนำมาประดับอยู่บนด้ามมีดและฝักดาบ เป็นต้นตำนานลูกมังกรทั้งเก้า

ตำนานของลูกมังกรทั้งเก้า

เกิดขึ้นในสมัยราชวงศ์หมิง (ปี 1368 – 1644) โดยมีจุดเริ่มจากหลิวป๋อเวิน(刘伯温)เสนาบดีคู่บัลลังก์มังกร กล่าวกันว่า หลิวป๋อเวินเดิมเป็นเทพบนสวรรค์ที่อยู่ข้างกายอวี้ตี้หรือเง็กเซียนฮ่องเต้ เมื่อถึงปลายราชวงศ์หยวน แผ่นดินจีนลุกเป็นไฟ การศึกสงครามไม่สิ้น ราษฎรอดอยากยากแค้น เง็กเซียนฮ่องเต้จึงส่งหลิวป๋อเวินลงมาถือกำเนิดบนโลกมนุษย์ เพื่อช่วยกอบกู้ภัยพิบัติ พร้อมทั้งได้มอบกระบี่ประกาศิต ที่สามารถสั่งการต่อพญามังกรได้ แต่เนื่องจากในเวลานั้น พญามังกรเฒ่าสังขารร่างกายอ่อนล้า จึงส่งให้บุตรทั้งเก้าของตนมารับภารกิจนี้แทน

ลูกมังกรทั้งเก้าต่างมีอิทธิฤทธิ์แกร่งกล้า พวกเขาติดตามหลิวป๋อเวินออกศึกนับครั้งไม่ถ้วน หนุนเสริมจูหยวนจางสถาปนาแผ่นตินต้าหมิง ทั้งช่วยเหลือจูตี้ให้ได้มาซึ่งบัลลังก์มังกร ต่อเมื่อภารกิจเสร็จสิ้นสมบูรณ์ จึงคิดจะกลับคืนสู่สรวงสวรรค์ แต่จักรพรรดิหมิงเฉิงจู่หรือจูตี้ กลับต้องการให้พวกเขาอยู่ข้างกาย เพื่อช่วยให้ตนเองเป็นใหญ่ในแผ่นดินตลอดไป ดังนั้นจึงอ้างเหตุก่อสร้างพระราชวังต้องห้ามที่ปักกิ่ง หยิบยืมดาบประกาศิตจากหลิวป๋อเวิน เพื่อสั่งการต่อลูกมังกรทั้งเก้า แต่ลูกมังกรต่างไม่ยอมสยบ

จูตี้เห็นว่าไม่อาจควบคุมลูกมังกรไว้ได้ จึงออกอุบาย โดยกล่าวกับปี้ซี่ที่เป็นพี่ใหญ่ว่า “ปี้ซี่ เจ้ามีพลังมากมายมหาศาล สามารถยกวัตถุนับหมื่นชั่งได้ ถ้าหากเจ้าสามารถแบกป้ายศิลาจารึก “เสินกงเซิ่งเต๋อเปย” ของบรรพบุรุษข้าไปด้วยได้ ข้าก็จะปล่อยพวกเจ้าไป” ปี้ซี่เห็นว่าเป็นเพียงป้ายศิลาเล็กๆก้อนหนึ่ง จึงเข้าไปแบกรับไว้โดยไม่ลังเล แต่ทำอย่างไรก็ไม่อาจยกเคลื่อนไปได้ ที่แท้ ป้ายศิลาจารึกนี้ ได้จารึกคุณความดีของ “โอรสสวรรค์” เอาไว้ (จากคติของจีนที่กล่าวว่า คุณความดีนั้น ไม่อาจชั่งตวงวัดได้) ทั้งยังมีตราประทับลัญจกรของฮ่องเต้สองสมัย สามารถสยบเทพมารทั้งปวงได้

ลูกมังกรที่เหลือเห็นว่าพี่ใหญ่ถูกกดทับอยู่ใต้ศิลาจารึก ต่างไม่อาจหักใจจากไป จึงได้แต่รั้งอยู่บนโลกมนุษย์ต่อไป เพียงแต่ ต่างก็ให้สัตย์สาบานว่า จะไม่ปรากฏร่างจริงอีก ดังนั้น แม้ว่าจูตี้สามารถรั้งลูกมังกรทั้งเก้าเอาไว้ได้ แต่ก็เป็นเพียงรูปสลักของสัตว์ทั้งเก้าชนิดเท่านั้น หลิวป๋อจือเมื่อทราบเรื่องในภายหลังจึงผละจากจูตี้ กลับคืนสู่สวรรค์ จูตี้รู้สึกเสียใจและสำนักผิดต่อเหตุการณ์ครั้งนี้ จึงจัดวางหน้าที่ให้กับลูกมังกรทั้งเก้า สืบทอดเรื่องราวสู่คนรุ่นหลังไม่ให้เดินตามรอยความผิดพลาดของตน เรียบเรียงจาก เชียนหลงเน็ต

ที่มา : หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ

สายวิชาต่อสู้

1.หมัดลูกกลมทมิฬ (ไม่แน่ใจชื่อว่าถูกหรือไม่) เป็นวิชาที่คิดค้นโดยปรมาจารย์ตักม้อ (วัดเส้าหลิน)
2.ฝ่ามือสยบมังกรสิบแปดท่า ของเฉียวฟงเพราะสมบูรณ์ที่สุด (พรรคยาจก)
3.เทพกระบี่หกชีพจร ของต้วนอี้(ตระกูลต้วน)
4.เพลงกระบี่ปราบมาร ของลิ้มเพ็งจือ(ตระกูลลิ้ม)
5.เพลงกระบี่งูทอง ของเทวบุตรงูทอง(ฮัวซัว)
6.เก้ากระบี่เดียวดาย ของเหล่งฮู้ชง(ฮัวซัว)
7.ฝ่ามือหกสุริยันเทียงซัว ของแม่เฒ่าทาริกา(พรรคสราญย์)
8.เพลงไม้เท้าตีสุนัข ของประมุขพรรคยาจก(พรรคยาจก)
9.ฝ่ามือวิญญาณสลาย ของเอี้ยก้วย (สุสานโบราณ)
10.มวยไท้เก็ก ของปรมาจารย์เตียซำฮง (บู้ตึ้ง)

สายกำลังภายใน

1. มีล้างไขกระดูก กับ เปลี่ยนเส้นเอ็น ที่คิดค้นดยปรมาจารย์ตักม้อ โดยล้างไขกระดูกคือ ช่วงแรกเรียกว่าคัมภีร์ก่อนกำเนิด ส่วนเปลี่ยนเส้นเอ็นคือ ช่วงหลังเรียกว่าคัมภีร์หลังกำเนิด เลยถือว่าเท่ากัน (วัดเส้าหลิน)
2.พลังเทพไท้เหี่ยง จากเรื่องมังกรทลายฟ้า (เกาะจอมยุทธ)
3.พลังไร้ลักษณ์ ของปรมาจารย์พรรคสราญย์ (พรรคสราญย์)
4.วิชาลมปราณภูตอุดร ของอู๋หย่าจือ (พรรคสราญย์)
5.พลังฟ้ากำเนิด ของปรมาจารย์เฮ้งเต็งเอี้ยง (ช้วงจินก่า)
6.คัมภีร์เก้าเอี้ยง กับ คัมภีร์เก้าอิม ถือว่าเท่ากัน เพราะอันนึ่งรุก อันนึ่งรับ อันนึ่งร้อน อันนึ่งเย็น เก้าเอี้ยงของหลวงจีนกักเอี้ยงแห่งวัดเส้าหลิน เก้าอิมของปรมาจารย์อึ้งเซีย
7.พลังมังกรปัญญาคชสาร ของราชครูกิมลุ้น (วัดธรรมจักร)
8.วิชาดาวเคลื่อนดาราคล้อย ของมู่หยงป้อ (ตระกูลมู่หยง)
9.พลังคางคก ของอาวเอี้ยงฮง (เขาอูฐขาว)
10.พลังศพคืนซาก ของกูหยงไต้ซือแห่งวัดมังกรฟ้า (ตระกูลต้วน)

อาวุธลับหรือพิษ

1. ยันต์กำหนดเป็นตายของหวู๋ชิงหยุ่น , มีดบินแซ่ลี้
2. พิษสามยิ้มมรณะ ของติงชุนชิว
3. พิษกำยานของเจ้าหญิงอนัตตา
4. พิษหงอนกระเรียนฃ
5. พิษดอกรัก
6. เข็มพิษของลี้หมกโช้ว
7. อาวุธลับของอุ้ยบ่อแง้
8. พิษผึ้งหยก
9. พิษงูสองหัวเผ่าแม้ว
10. พิษคางคก

 

ที่มา : http://board.dserver.org/