แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Health-Nutrition แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Health-Nutrition แสดงบทความทั้งหมด

อนุมูลอิสระ หรือ free-radical เป็นสารที่มีองค์ประกอบทางเคมีที่ทำร้ายสุขภาพของคนเรา ซึ่งเจ้านี้ ร่างกายเราจะได้รับจากมลภาวะที่เป็นพิษ ไม่ว่าจะน้ำ อากาศ หรือจากควันบุหรี่ แต่สิ่งที่อันตรายที่สุด คือมันมาจากอาหารที่คนเรากินนี้เอง
      นอกจากนี้ครับ ร่างกายเราเองยังสามารถที่จะผลิตเจ้าอนุมูลอิสระนี้ขึ้นมาในช่วงที่มีการเผา ผลาญพลังงาน แต่ในภาวะปกติ ร่างกายสามารถรักษาความสมดุลของเจ้าอนุมูลอิสระ แต่หากเมื่อไรก็ตามที่เราได้อนุมูลอิสระจากภายนอกเข้ามามากๆ นั้นแหละครับที่จะเข้าสู่ช่วง "oxidative stress" นำไปสู่โรคภัยไข้เจ็บต่างๆ
     ก่อนอื่นที่เราจะรู้ว่าอาหารประเภทไหนที่ต่อต้านเจ้าอนุมูลอิสระ เราควรจะมารู้จักว่า วิตามินและเกลือแร่อะไรบ้างที่มีบทบาทสำคัญต่อการต่อต้านเจ้าอนุมูลอิสระ
(1) วิตามิน - วิตามินสำคัญที่ต่อต้านอนุมูลอิสระคือ วิตามิน C, E และ เบต้า แคโรทีน
(2) เกลือแร่ - ตัวสำคัญคือ เจ้า เหล็ก และ ซีลีเนียม
(3) สารอาหารอื่นๆ - ตัวสำคัญคือ ฟลาโนวอยส์ และ โพลีฟีนอล

เอาละครับ รู้แล้วว่า มีอะไรบ้างที่มีหน้าที่ต้านอนุมูลอิสระ ที่นี้มาดูว่าเจ้าพวกนี้มีอยู่ในอาหารกลุ่มใดบ้าง
เริ่มที่

วิตามินซี - แน่นอนว่ามีมากใน ผลไม้ และ ผัก ผลไม้อย่าง ส้ม มะนาว เกรฟฟรุต มะระกอ สตอเบอรี ส่วนผัก ก็อย่าง พวกกะหล่ำ หรือบร็อคโคลี ผักขมก็มีเยอะ
วิตามินอี - มากที่สุดในน้ำมันดอกทานตะวัน น้ำมันคาโนลา และ วีท เยอม นอกจากนี้ยังมีใน ถั่ว อะโวคาโด ผักสีเขียวและพวกธัญพืช
เบต้า-แคโรทีน - จะพบมากในผลไม้สีเขียวหรือสีเหลืองเข้ม นอกจากนี้ยังมีในแครอท ฟักทอง ถั่วเขียว บร็อคโคลี แอปปิคอท
ฟลาโนวอย - มีมากในผักและผลไม้ ชา ถั่วเหลือง
โพลีฟีนอล - มีอยู่ในธัญพืช โดยเฉพาะ ข้าวฟ่าง อีกทั้งมีในผลไม้ โดยเฉพาะองุ่น นอกจากนี้ยังพบในชา ไวน์ และชอคโกแลต
เหล็ก - พบมากในเนื้อสัตว์และปลา นอกจากนี้ยังมีในธัญพืชต่างๆ
ซีลีเนียม - พบในผักและธัญพืช แต่พวกนี้จะต้องถูกปลูกในดินที่มีสารซีลีเนียมมากๆด้วย
เป็นไงบ้างครับ คราวนี้เราก็รู้แล้วว่า อาหารพวกไหนบ้างที่ทำให้เราห่างไกลจากโรคต่างๆ

 

 

ที่มา .. www.health24.com

AHA vs BHA

13/4/51 |

AHA หรือ Alpha hydroxy acid เป็นกรดที่มีอยู่ตามธรรมชาติ บางทีเรียก fruity acid เนื่องจากที่มาของกรดเหล่านี้ เช่น  glycolic จากนํ้าอ้อย, lactic จากนมเปรี้ยว, citric จากมะนาว สัปปะรด, pyruvic จากมะละกอ, malic จากแอปเปิ้ล, tartaric จากเหล้าองุ่น

 

BHA หรือ beta Hydroxy Acid คือกรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) เป็นสารที่ได้จากการสังเคราะห์เสียเป็นส่วนใหญ่ ละลายได้ดีในไขมัน ผ่านลงไปในผิวชั้นถัดลงไปได้มากกว่า จึงมีผลต่อผิวที่อยู่ลึกลงไป ได้มากกว่า ทำให้ผิวหนังมีการลอกหลุดตัวเพิ่มขึ้นโดยไม่ทำให้เกราะป้องกันผิวหนังเสื่อมสภาพ แต่สารชนิดนี้ยังไม่พบหลักฐานว่ามีผลต่อเส้นใยคอลลาเจนและอีลาสติน เหมือนเอเอชเอ

 

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ AHA และ BHA ได้ที่

ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ โคเอนไซม์คิวเทน (coenzyme Q10, Co Q10)โด่งดังสุดขีดในฐานะความหวังใหม่แห่งการลบเลือนริ้วรอย เพราะถือเป็นหนึ่งในสมาชิกของสารต้านอนุมูลอิสระ (นอกเหนือจาก วิตามินซี อี และเบต้าแคโรทีน)

จริงๆแล้ว โคเอนไซม์คิวเทน ไม่ใช่คนแปลกหน้าของผิวเพราะมีอยู่แล้วในเซลล์ร่างกายเราตามธรรมชาติ มีหน้าที่สร้างพลังงานให้กับเซลล์ต่างๆในร่างกาย และคอยต่อต้านอนุมูลอิสระไม่ให้เข้าไปรังแกร่างกายได้ง่ายๆ แต่พอเราแก่ลง ระดับของโคเอนไซม์คิวเทนก็ลดลงไปเรื่อยๆ ส่งผลกระทบถึงส่วนต่างๆของร่างกาย จากเคยแข็งแรงดีก็เริ่มอ่อนแอลง และแน่นอนว่ารวมถึงผิวสวยของเราด้วย
ดังนั้นในปัจจุบันนี้เราก็เลยเห็นโคเอนไซม์คิวเทน กลายเป็นขวัญใจของใครต่อใคร ทั้งในรูปของอาหารเสริม และครีมต่อต้านริ้วรอย เพราะมีการศึกษาพอจะยืนยันได้ว่า โคเอนไซม์คิวเทนส่งผลดีต่อร่างกาย ไม่เฉพาะแค่เรื่องริ้วรอย แต่หมายถึงช่วยเพิ่มความแข็งแรงของหัวใจ หลอดเลือดและสมองด้วย.....Biopluschem.com

 

เพิ่มเติม โคเอนไซม์คิวเทน:

ผู้หญิงสมัยใหม่ ไม่มีใครไม่รู้จักคอลลาเจน(Collagen) ที่มีบทบาทสำคัญในการทำให้ผิวพรรณเต่งตึง แต่เมื่ออายุที่มากขึ้น คอลลาเจนที่อยู่ใต้ผิวหนังก็ลดลงตามลำดับ การยิ้ม ขมวดคิ้ว หรี่ตา หรือเครียด เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้คอลลาเจนใต้ผิวเสื่อมสภาพ ผลที่ตามมาก็คือ ริ้วรอย และรอยตีนกาบนใบหน้า

ข้อมูลทางการแพทย์ระบุว่า ปัจจัยที่ก่อให้เกิดการสลายตัวของคอลลาเจน คือ อนุมูลอิสระที่เกิดจากแสงแดด มลพิษต่างๆ บุหรี่ สารปนเปื้อนในอาหารที่รับประทานเข้าไป และการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ซึ่งสาเหตุเหล่านี้ส่งผลต่อผิวในชั้นหนังกำพร้า และชั้นหนังแท้ ที่ประกอบด้วยเนื้อเยื่อ 2 ชนิด คือ คอลลาเจน และอีลาสติน ที่มีบทบาทสำคัญในการทำให้ผิวพรรณเต่งตึง มีความยืดหยุ่น และควบคุมความชุ่มชื้น เมื่อถูกทำลายให้บางลง และด้วยอายุที่มากขึ้นทำให้เกิดความไม่สมดุลกันระหว่างการผลิต และการสลายตัวของคอลลาเจนตามธรรมชาติ ส่งผลให้เกิดริ้วรอย ผิวหน้าหย่อนคล้อย และหยาบกระด้าง ดังนั้น วิธีที่จะทำให้ผิวพรรณกลับคืนสู่ความวัยเยาว์นั้น ก็คือการเพิ่มคอลลาเจนให้กับผิว

การเพิ่มคอลลาเจนก็มีหลากหลายวิธี ดังนี้

  • การเติมคอลลาเจน และอีลาสตินที่ขาดหายไปจากเซลล์ผิว ตามธรรมชาติแล้ว คอลลาเจนและอีลาสติน จะเริ่มเสื่อมลงเมื่ออายุ 25-30 ปี ปัจจุบันมีการค้นคว้าเพื่อหาแหล่งธรรมชาติที่จะช่วยเสริมคอลลาเจนที่ขาดหายไป เพราะผิวที่มีคอลลาเจนที่แข็งแรง จะเป็นผิวที่เปล่งปลั่ง เนียนใส คอลลาเจน จึงเป็นหัวใจสำคัญที่คงความยืดหยุ่น และช่วยเก็บกักความชุ่มชื้นไว้ไม่สูญเสียไปกับสภาพแวดล้อม
  • การรับประทานอาหารที่ต่อต้านอนุมูลอิสระ สารต่อต้านอนุมูลอิสระที่เกิดจากธรรมชาติ จะช่วยกำจัดตัวการสร้างอนุมูลอิสระได้หมดไป และไม่ทำลายเซลล์ผิวหนัง ซึ่งได้แก่ เบต้าแคโรทีน วิตามินซี วิตามินอี สารเหล่านี้เป็นสารที่มีประสิทธิภาพสูงในการกำจัดอนุมูลอิสระ มีคุณสมบัติเพิ่มความแข็งแรงของเนื้อเยื่อคอลลาเจนและอีลาสติน
  • การรักษาความชุ่มชื้นให้กับเซลล์ผิว การสูญเสียความชุ่มชื้นของเซลล์ผิว ทำให้เกิดความหยาบกร้านและริ้วรอย การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ให้ความชุ่มชื้นชนิดพิเศษ ที่มีประสิทธิภาพมากกว่ามอยซ์เจอไรเซอร์ทั่วไป จะสังเกตได้จากส่วนผสมที่ประกอบด้วย ไฮโดรไลซ์ คอลลาเจน,ไฮโดรไลซ์ อีลาสติน,โปรคอลลาเจน,เอเอชเอ เป็นต้น

เพิ่มเติมเกี่ยวกับคอลลาเจนได้ที่ wikipedia

 

เรียนรู้เรื่อง "คอลลาเจน"