แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Culture-Japan แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Culture-Japan แสดงบทความทั้งหมด

ตำนานแมวกวัก Maneki Neko

6/2/55 |

เรื่องโดย : The 19th Ronin



ตำนานเจ้าเหมียวกวักนำโชค มะเนะคิเนะโกะ (まねきねこ) มีหลากหลายเรื่องราวที่สืบทอดต่อกันมาเนิ่นนานมาแล้ว แต่ตำนานเรื่องเล่าที่น่าเชื่อถือได้และผู้คนญี่ปุ่นกล่าวถึงกันมากที่สุดก็ คือเรื่องนี้ มาเนะคิเนะโกะ มีความเป็นมาตั้งแต่สมัยเอโดะประมาณศตวรรษที่ 17 ในสมัยนั้นนักบวชที่จำวัดอยู่ในวัดเล็กๆ นั้นค่อนข้างมีความเป็นอยู่ที่ยากลำบาก จะกล่าวถึงวัดโกโตคุจิ อยู่ทางทิศตะวันตกของโตเกียว นักบวชชราที่คอยแบ่งอาหารที่มีอยู่เพียงเล็กน้อยให้กับเจ้าแมว ทามะ ที่เป็นทั้งสัตว์เลี้ยงและเป็นเพื่อนยากในตอนนั้น ถึงแม้ว่านักบวชชราจะลำบากขนาดไหนเค้าก็ไม่เคยทอดทิ้งทามะ การเป็นนักบวชช่างยากเย็นเสียเหลือเกิน ลมหนาวพัดผ่านหนาวเหน็บก็ได้แต่ผิวปากแก้หนาวกันไปแล้วยังสายฝนที่ตกลงมาก็ ทำให้หลังคาเสียหายอยู่ตลอด บางครั้งนักบวชชราทั้งหิวและเหนื่อยล้าไปหมดแล้ว บางสิ่งที่ยังเหลืออยู่ก็คือการอุทิศตนและความดีงามที่นักบวชชรายังคงระลึก ถึงอยู่เสมอ

มี อยู่วันหนึ่งเพราะอากาศหนาวจัดจนทำให้ร่างกายของนักบวชชราหนาวเหน็บจนทนไม่ ไหว เค้าจึงเดินไปชงชาเพื่อทำให้ร่างกายอบอุ่น แต่ทว่าไม่มีใบชาเลยน่ะสิ นักบวชชรารู้สึกเศร้ามาก เค้าร้องไห้เสียใจ ร่างกายค่อยๆ ทรุดตัวลงและหมดสติไป เจ้าแมว ทามะ เห็นท่าไม่ดีเป็นกังวลจึงเดินไปใกล้ๆ กับนักบวชชรา อยากจะทำให้เจ้านายอุ่นมากขึ้น เมื่อนักบวชได้สติตื่นขึ้นมาจึงบอกกับแมวของเค้าว่า “ทามะเอ้ย! ฉันมันจนแต่ก็ยังคิดจะเก็บแกมาเลี้ยงอีก มันจะมีสักวันมั้ย ที่แกจะทำอะไรซักอย่างเพื่อวัดแห่งนี้ เพื่อฉันด้วย ” เมื่อพูดเสร็จนักบวชชราก็ร้องไห้และค่อยๆ หลับไปอีกครั้ง เจ้าแมวทามะ เกิดความกังวลใจทั้งสับสนและเข้าใจดี จึงตัดสินใจเดินไปนั่งอยู่ด้านหน้าประตูของวัดโกโตคุจิ ทามะนั่งไปพร้อมกับเลียขาและถูกับใบหน้าของตัวเองด้วย

เวลา ผ่านไปไม่นานก็มีชายผู้หนึ่งที่ร่ำรวยและมีอำนาจได้เดินทางผ่านมาทางวัด ฝนก็เริ่มตกหนักขึ้นเรื่อยๆ ไม่พอลูกเห็บขนาดใหญ่ยังตกลงมาอีก ชายผู้นั้นจึงเข้าไปหลบฝนใต้ต้นไม้ใหญ่ ฟ้าเริ่มร้องหนัก มีสายฟ้าแลบอีกด้วย ชายผู้นั้นจึงมองหาที่หลบที่ใหม่แล้วทันใดนั้นก็หันไปเจอกับเจ้าทามะที่นั่ง อยู่หน้าประตูวัดพอดี เจ้าทามะกวักเรียกผู้มาเยือน ชายผู้นั้นไม่รอช้ารีบวิ่งมาทันที พอวิ่งมาถึงวัดชายผู้นั้นหันกลับไปมองที่ต้นไม้ใหญ่และถึงกลับอึ้งไป ต้นไม้โดนฟ้าผ่าและไฟลุกเผาไม้แตกออกเป็นเสี่ยงๆ ไปเรียบร้อยแล้ว ชายผู้นั้นรู้สึกขอบใจเจ้าแมวทามะมากที่ช่วยชีวิตเค้าให้รอดจากอันตราย จึงรีบมองไปรอบๆ เพื่อที่จะตบรางวัลให้กับเจ้าของแมวตัวนี้ทันที แล้วเค้าก็พบนักบวชชราและพบว่าสภาพแวดล้อมที่นี่ช่างย่ำแย่เสียเหลือเกิน ต่อมาชายผู้นั้นได้เป็นสหายกับนักบวชชราและมอบของขวัญให้อีก ชายผู้นั้นยังช่วยส่งเสริมให้คนอื่นๆ มาทำบุญที่วัดแห่งนี้อีกด้วย จนวัดโกโตคุจิมีความเจริญขึ้นและมีชื่อเสียงจนถึงทุกวันนี้ เจ้าแมว ทามะ ไม่ได้ช่วยชีวิตนักบวชชราอย่างเดียวยังช่วยให้เค้าหลุดพ้นจากชีวิตที่ยาก ลำบากด้วย เมื่อแมวทามะเสียชีวิตลงได้รับเกียรติให้ฝังในสุสานพิเศษและยังมีรูปปั้นแมว กวักที่ยกเท้าขึ้นมาเพื่อแสดงให้เห็นถึงความโชคดีและร่ำรวยให้กับเจ้าของ ชายผู้นั้นแท้จริงแล้วคือ Ii Naosuke ผู้ครองเมือง Hikone นั่นเอง สุสานของเค้าก็อยู่ที่วัดแห่งนี้ด้วย

เจ้าเหมียวกวักนำโชค มะเนะคิเนะโกะ ตำนานความโชคดีกับสถานที่ที่มีอยู่จริง Gotokuji Temple แห่งนี้อยู่ที่ Setagaya, Tokyo ใครมีโอกาสไปเที่ยวก็อย่าลืมไปวัดที่เต็มไปด้วยตุ๊กตาแมววัดนี้ด้วยล่ะ ไปไหว้พระและขอพรกับมะเนะคิเนะโกะขอให้ร่ำให้รวยมีความสุขติดกลับมาบ้านด้วย นะ

ที่มา : http://www.marumura.com

ถ้าพูดถึงวัตถุมงคลละก็ เป็นของคู่กายสำหรับคนไทยมาตั้งแต่สมัยโบราณเลยค่ะ เพราะคนไทยเชื่อว่า ถ้ามีวัตถุมงคลพกติดตัวไว้จะสามารถคุ้มครองเรายามมีภัยหรือมีอุบัติเหตุร้าย แรงได้  และอีกอย่างหนึ่ง ที่พกไว้ก็เพราะอยากให้สิ่งดีดี หรือสิ่งที่เราปรารถนานั้นเกิดขึ้นจริง

แต่ใช่ว่าจะมีแต่คนไทยเท่านั้นนะค่ะที่เชื่อเรื่องนี้ คนญี่ปุ่นก็มีความเชื่อด้านนี้เหมือนกันค่ะ ที่ญี่ปุ่นเรียกสิ่งสิ่งนี้ว่า โอมะโมริ  (Omamori) เครื่องรางญี่ปุ่น แต่มันมีค่อนข้างหลายประเภท หลายด้านความเชื่อ เลยหยิบเรื่อง “เครื่องรางเหรียญ 5 เยน’’ มาเล่าสู่กันฟังค่ะ เพราะเป็นเครื่องรางที่ได้รับความนิยมไม่แพ้เครื่องรางชนิดอื่นๆ เลย



เหรียญ 5 เยน หรือที่ชาวญี่ปุ่นเรียกกันว่า โกะเอ็นดามะ นั้น มีสีและแบบค่อนข้างจะแตกต่างจากเหรียญญี่ปุ่นอื่นๆ โดยเหรียญนี้มีรูตรงกลาง พิมพ์ลายรูปรวงข้าวและสายน้ำ และเนื่องจากผลิตขึ้นจากทองแดงและสังกะสี จึงทำให้ได้สีคล้ายทองคำ ดูมีค่าขึ้นมาทีเดียว

ชาวญี่ปุ่นนั้นไม่มีการทำบุญตักบาตรเหมือนบ้าน เรา เค้าจึงทำบุญโดยการบริจาคเป็นเงินแทน และส่วนใหญ่คนญี่ปุ่นก็จะนิยมใช้เหรียญ 5 เยนในการนั้น โดยให้เหตุผลว่ามันถูกดี และอีกสาเหตุหนึ่งก็คือความเชื่อที่ว่ารูตรงกลางของเหรียญ 5 เยน หมายถึงสิ่งเลวร้ายจะได้ผ่านช่องนี้ไปได้ และจะได้พบเจอแต่สิ่งดีดี

และอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้เหรียญ 5 เยนมีความพิเศษมากกว่าเหรียญอื่นๆ นั่นก็เพราะคำว่า 5 เยน ในภาษาญี่ปุ่นคือ 五円 (go-en โกะเอ็น) ออกเสียงตรงกับคำว่า ご縁 ซึ่งคันจิ มีความหมายว่า เป็นการขอพรจากเทพเจ้า นอกจากนี้ ยังมีความเชื่อที่ว่า หากมาคนเดียวก็จะได้พบเนื้อคู่ หากมาเป็นคู่ก็หมายถึงขอให้รักกันนานๆ และหากว่ามากันทั้งครอบครัว ก็จะมีความหมายว่าขอให้ทุกคนในครอบครัวมีความสุข เหรียญ 5 เยนจึงเป็นสัญลักษณ์ของความโชดดีนั่นเอง

นอก จากนำมาบริจาคแล้ว ก็ยังนิยมนำเหรียญ 5 เยน มาทำเป็นเครื่องรางสำหรับห้อยมือถือ ใช้เรียกเงินเรียกทองด้วย โดยเครื่องรางนี้อาจจะประกอบไปด้วย เหรียญห้าเยน ค้อนทอง เหรียญเงิน และเหรียญทองโบราณด้วยค่ะ ส่วนด้านหลังก็อาจจะถูกผูกติดด้วยผ้าชนิดเดียวกันกับที่ใช้ทำผ้ากิโมโน ถือเป็นเครื่องรางยอดนิยมมาตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน ด้วยเหตุนี้ เหรียญ 5 เยน จึงนับได้ว่าเป็นเครื่องรางที่พกพาสะดวกที่สุดค่ะ

ที่มา : http://www.marumura.com